กว่า 1 ปีที่ Mezzo Coffee แผ่ขยายกิ่งก้านสาขามายังจังหวัดนครราชสีมาถึง 4 สาขาในระยะเวลาอันรวดเร็ว ดูผิวเผินอาจเหมือนเฟรนไซส์จากต่างประเทศที่คนไทยซื้อมาเปิดตามจุดต่างๆ ของเมืองโคราช แต่หารู้ไม่ว่า เบื้องหลังธุรกิจนี้ก่อตัวขึ้นมาจากชายคนหนึ่งพร้อมฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะหอบแบรนด์ไทยขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีโลก ด้วยปณิธานอันแรงกล้า ทำให้ทุกวันนี้ Mezzo Coffee เกิดขึ้นกว่า 100 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ภายใต้การบริหารงานของคุณธนาวัฒน์และทีมงานคนไทยที่แข็งแกร่งทั้งสิ้น วันนี้เราจะพาชาวโคราชมานั่งพูดคุยกับ คุณธนาวัฒน์ จิระเสวีจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมซโซ่ฯ ผู้บริหารร้านกาแฟ เมซโซ่ และ คาเฟ เมซโซ่ ซึ่งก่อนหน้านี้สายงานของเขาไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการทำธุรกิจเลย แล้วอะไรคือแรงผลักดันให้ชายคนผู้นี้ก้าวข้ามทุกความท้าทายมายืนอยู่บนโลกแห่งธุรกิจอย่างแข็งแกร่งได้ท่ามกลางสมรภูมิที่เต็มไปด้วยคู่แข่งที่มากมาย มาร่วมค้นหาคำตอบในบทสัมภาษณ์พิเศษนี้ไปพร้อมๆ กัน… Q : ก่อนอื่นต้องถามคุณธนาวัฒน์ก่อนเลยว่า อะไรคือสิ่งที่จุดประกายฝันอันยิ่งใหญ่ของเราขึ้นมา A : ตอนเด็กๆ ผมโตที่ไต้หวันมา 8 ปี ก่อนที่จะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และปริญญาโทด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากเรียนจบก็ทำงานที่นั่นอยู่หลายปี สินค้าพวกกาแฟและเบเกอรี่จึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันจนพัฒนากลายเป็นความหลงใหล แต่พอกลับมาไทยเรากลับรู้สึกได้ถึง 2 ประเด็นหลักๆ เลยก็คือ 1. เราหากาแฟรสชาติอร่อย คุณภาพดี ในราคาที่เหมาะสมไม่ค่อยได้ 2. ประเทศไทยเราปลูกเมล็ดกาแฟส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแต่กลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก สองประเด็นจึงเป็นตัวจุดประกายให้เราฝันอยากจะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง เพื่อเป็นตัวผลักดันให้เมล็ดกาแฟไทยให้เป็นที่ยอมรับและพร้อมแข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ได้ในระดับโลก Q : มองภาพออกไปไกลขนาดนี้ แสดงว่าก่อนจะที่ร้านกาแฟจะเกิดขึ้นได้คงต้องมีการทำการบ้านมาเยอะพอสมควรเลยทีเดียว A : ใช่ครับ ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นได้เราต้องใช้เวลาเตรียมการค่อนข้างนานอยู่เหมือนกัน นานในระดับที่คนปกติอาจจะรับไม่ได้ (หัวเราะ) ไม่ว่าจะเป็นสินค้า แบรนด์ ตราสินค้า รูปแบบร้าน หรือแม้กระทั่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ ซึ่งก่อนหน้านั้นผมก็ลองไปซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากภาคเหนือของประเทศไทยมาคั่ว แล้วก็ส่งออกต่างประเทศไปยังแถบประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ ดูก่อน อาทิเช่น ออสเตรเลีย จีน และฮ่องกง เพื่อดูผลตอบรับว่าดีหรือไม่ ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นที่น่าพึ่งพอใจอย่างมาก เนื่องจากกาแฟดิบของไทยมีคุณภาพดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อทดสอบตลาดมาได้ซักระยะหนึ่งจนทุกอย่างที่เราเตรียมมันลงตัวหมดแล้วบวกกับแรงหนุนจากเพื่อนๆ ในตอนนั้น สาขาแรกของเราก็ถือกำเนิดขึ้นมา Q : หลายคนที่ยังไม่รู้จักแบรนด์ Mezzo Coffee มาก่อน ได้ยินครั้งแรกอาจจะคิดว่าเป็นจากต่างประเทศ ได้ยิน ซึ่งจริงๆ แล้วการใช้ชื่อนี้มันมีที่มาที่ไป A : จากที่เราเรียนไว้เบื้องต้นว่าในระยะยาวเรามีแผนจะขยับขยายแบรนด์ออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพราะฉะนั้นการจะอยู่ในธุรกิจทางด้านกาแฟ เมื่อพูดถึงกาแฟมันก็จะทำให้เรานึกถึงประเทศที่มีประวัติการดื่มมาอย่างยาวนานค่อนไปทางโซนยุโรป อย่างอิตาลี ฝรั่งเศส หรือสเปน คำว่า Mezzo เป็นภาษาอิตาลีที่เขียนและใช้ตัวสะกดแบบภาษาอังกฤษทั่วไปซึ่งสามารถใช้กันได้ทั่วโลก การที่เราใช้ชื่อนี้นอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มมนต์ขลังให้กับตัวแบรนด์แล้ว ยังง่ายต่อการจดจำ การสะกด และการอ่านออกเสียงสำหรับชนชาติอื่นๆ ที่มาใช้บริการด้วย Q : พูดถึงเมล็ดกาแฟก็คงเป็นอะไรที่สามารถซื้อหากันง่าย แล้วอย่างนี้เรามีวิธีการออกแบบ “รสชาติ” กาแฟอย่างไรให้มีเอกลักษณ์ แตกต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ อย่างไร A : ด้วยความที่แบรนด์เราค่อนข้างพิถีพิถันในการออกแบบสินค้าและบริการของเราให้สามารถเข้าถึงทุกคนได้ “รสชาติกาแฟ” จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่เราศึกษากันอย่างจริงจัง เพื่อค้นหารสชาติที่อยู่กึ่งกลางระหว่างรสนิยมของคนไทยและชาวต่างชาติที่ต่างกันสุดขั้วให้ได้ จนกลายเป็นที่มาของสูตรกาแฟที่มีความเฉพาะในแบบของร้านเรา ซึ่งเป็นรสชาติเข้มพอสำหรับชาวไทย แต่ไม่มากเกินกว่าที่ชาวต่างชาติจะทานได้ ส่วนอาหารของทานเล่นเราก็พยายามให้เข้าใกล้ความเป็นสากลมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะใส่ลูกเล่นความเป็นไทยเข้าไปด้วย Q : ทุกครั้งที่ลูกค้ามาใช้บริการที่ร้าน อะไรคือคำมั่นสัญญาที่ Mezzo Coffee มีต่อลูกค้า A : ที่ผ่านมา…เราให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการเป็นอย่างมาก เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าทุกคนจะได้รับสินค้าและบริการที่ “คุ้มค่า” กับเงินที่จ่ายมากที่สุด ถ้าสังเกตที่โลโก้เราดีๆ จะเห็นลายเส้นม้วนขดเป็นรูปควัน ซึ่งเป็นเสมือนคำมั่นสัญญาที่เรามีให้ต่อลูกค้าว่า วัตถุดิบที่เรานำมาใช้ต้องมีคุณภาพดีและสดใหม่ทุกวัน ด้วยมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา ผ่านการผลิตจากครัวกลางทำให้แบรนด์สามารถควบคุมรสชาติและคุณภาพของอาหารให้มีความสม่ำเสมอ ซึ่งจุดนี้ทำให้เราสามารถนำคำติชมของลูกค้ามาปรับปรุงคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพักผ่อนหรือการทำงานด้วยโต๊ะเก้าอี้ที่กว้างขวาง แสงไฟที่พอเหมาะ และบริการ Wi-fi ฟรี มีบริการเสิร์ฟถึงโต๊ะ และพร้อมทำให้ใหม่ทันทีในกรณีที่ลูกค้าได้รับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ผิดพลาดโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งนี่เองเป็นจุดที่ทำให้ลูกค้าประทับใจและใช้บริการมาตลอดเกือบ 10 ปี Q : ตอนนี้ในบรรดากว่า 100 สาขา ที่เรามีถือว่าครอบคลุมทั้งประเทศแล้วหรือยัง A : ยังครับ หลังจากที่เราดำเนินธุรกิจมาซักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่สาขายังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จนกระทั่งเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มขยับขยายมาทางพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น อาทิ ชลบุรี อยุธยา สระบุรี แล้วล่าสุดก็ที่โคราช เพราะเรามองว่าโคราชเป็นเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพค่อนข้างมาก แต่เริ่มแรกนั้นเราแทบไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับโคราชเลย เบื้องต้นเราจึงวางจุดยุทธศาสตร์ไว้ทั้งหมด 4 แห่งที่แตกต่างกัน ตามจุดต่างๆ ของตัวเมือง อาทิ เดอะมอลล์โคราช หน้าอนุสาวรีย์ย่าโม ถนนช้างเผือก และคลังวิลล่า เพื่อศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าในระยะ 1 ปีแรก แล้วรวบรวมข้อมูลที่ได้มาปรับเปลี่ยนแผนการบริหารงานให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนในท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น Q : ตอนนี้ก็ใกล้จะครบ 1 ปี แล้ว Mezzo Coffee ค้นพบอะไรที่น่าสนใจจากการมาเปิดตลาดที่โคราชบ้าง A : เราพบว่าสิ่งที่คนโคราชต้องการเป็นอย่างมาก ซึ่งมากกว่าความต้องการในพื้นที่กรุงเทพเลยด้วยซ้ำนั่นก็คือ “โต๊ะยาว และปลั๊กไฟ” เพื่อใช้ในการศึกษาค้นคว้าและทำงานกันเป็นกลุ่ม เพราะฉะนั้นใน 4 สาขาของเราก็จะมีการเพิ่มสองสิ่งนี้เข้าไปให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะสาขาย่าโมซึ่งมีพื้นที่มากกว่าใครเพื่อน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า อย่างที่สองที่การเปิดให้บริการ Delivery โดยการจับมือกับแอพพลิเคชั่นท้องถิ่นอย่าง Dropdrink ซึ่งจะเข้ามาช่วยให้ชาวโคราชสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของ Mezzo Coffee ได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเผชิญกับปัญหารถติดหรือไม่มีที่จอดรถ ลูกค้าที่สั่งตอนเช้าก็จะได้รับโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ซื้อครบ 200 บาทใน 1 วัน ก็จะมีเครื่องดื่มแถมให้อีกแก้วหนึ่งไปลองทานกันฟรีๆ พิเศษสำหรับชาวโคราชโดยเฉพาะเลยครับ Q : หลังจากดำเนินธุรกิจมา 9 ปี จนก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ในปีนี้แล้ว ตอนนี้เราเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้มากน้อยแค่ไหนแล้ว A : แม้ว่าตอนนี้งานของเราจะดำเนินเพียง 20-30% จากที่เราตั้งใจไว้เท่านั้น แต่เราก็ดีใจที่อย่างน้อยเราเริ่มช้ากว่าแบรนด์อื่นเป็น 10 ปี เรายังมาไกลได้ขนาดนี้ ระหว่างที่เราทยอยเปิดสาขาในต่างจังหวัดเราก็ได้มีการศึกษาตลาดต่างประเทศไว้ด้วย คาดว่าอีกไม่นานเกินรอ ชาวไทยอาจได้มีโอกาศเห็น Mezzo Coffee ปรากฏตัวในต่างประเทศ ราวๆ 1-2 ประเทศในกลุ่ม CLMV และฮ่องกง อย่างแน่นอน เพราะช่วงปีที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดคุยกับนักลงทุนอยู่ในประเทศเหล่านี้และจดลิขสิทธิ์ตัวเครื่องหมายทางการค้าของแบรนด์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เร็วสุดภายในสิ้นปีนี้เช่นเดียวกับโคราชที่เรามีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา สาขาแรกที่เซ็นทรัล นครราชสีมา ส่วนอีกสาขาหนึ่งจะอยู่ตรงไหนนั้นต้องขออุบไว้ก่อน (หัวเราะ) Q : กว่าที่ Mezzo Coffee จะมาไกลได้ขนาดนี้ต้องล้มลุกคลุกคลานค่อนข้างมาก ระหว่างทางเคยท้อแท้บ้างไหม A : ต้องยอมรับครับว่ากว่าเราจะพิสูจน์ตัวเองจนกลายเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าได้ก็ปาไปถึงตอนเราเปิดสาขาที่ 11-12 ได้ ส่วนใหญ่คนที่เครียดจะเป็นคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรามากกว่า (หัวเราะ) ตอนนั้นเรายอมรับครับว่ามีปัญหาจริง แต่เราไม่มีเวลาไปกังวลตรงนั้นเพราะเรามีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ เพราะถ้าเราศึกษาธุรกิจเชนใหญ่ๆ ไม่ว่าธุรกิจเกี่ยวกับอะไรก็แล้วแต่ ประวัติของบริษัทพวกนี้เหมือนกันหมดเลยคือ เวลาเปิดเป็นโครงข่ายที่มีขนาดใหญ่คนรู้จักระดับหนึ่ง เวลายอดขึ้นมันจะขึ้นทั้งแผงเลยครับ พอเราผ่านจุดๆ นั้นมาได้ อะไรต่างๆ มันก็จะดีขึ้นตามลำดับ แต่เราต้องรักษามาตรฐานให้ดีเพราะเวลามีปัญหามันก็ตกหมดเหมือนกัน Q : กำลังใจดีแบบนี้ไม่ทราบว่ามีใครเป็นต้นแบบในการดำเนินธุรกิจหรือเปล่า A : จากการที่ผมเติบโตและใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นระยะเวลาหลายปี ทำให้ผมสามารถปรับตัว และเรียนรู้ที่จะเข้าใจความแตกต่างทางด้านความคิด ขนบธรรมเนียมและประเพณีซึ่งมีผลให้บริบถในสังคมมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ต้นแบบในการทำธุรกิจของผมจึงไม่ได้เจาะจงบุคคลใดบุลคลหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ผมอาศัยเรียนรู้จากการสังเกตข้อดีเล็กๆ น้อยๆ จากทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ในโลกใบนี้ Q : หลังจากย้ายสายงานเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการอย่างเต็มตัว คุณวัฒน์คิดว่าอะไรคือความท้าทายในการเข้ามายืนอยู่โลกแห่งธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน A : ในโลกของการทำธุรกิจ อะไรก็ไม่แน่ไม่นอน แต่ผมคิดว่ามันเป็น “เสน่ห์” อย่างหนึ่งมากกว่าเมื่อเทียบกับทำงานวิศวะฯที่ค่อนข้างจะตายตัว เราอยากได้อะไรก็ป้อนสูตรเข้าไปในคอมพิวเตอร์มันก็จะได้ผลลัพธ์อย่างที่เราต้องการ แต่การทำงานกับผู้บริโภคมันมีความไม่แน่ไม่นอนเยอะมาก ถ้าเรามองว่ามันเป็นอุปสรรค มันก็คืออุปสรรค แต่ถ้าเรามองว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ แล้วเราได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา มันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุกสนานและท้าทายมากเลยทีเดียว Q : สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงคนโคราชบ้าง A : ก่อนอื่นเลยที่เรามาพูดคุยกันวันนี้ก็เพื่อมายืนยันกับชาวโคราชถึงจุดมุ่งหมายและความตั้งใจของเราที่มีมาโดยตลอดตั้งแต่วันแรกและวันนี้เรามีพร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของเมืองโคราช เราจึงไม่เพียงปรับปรุงสินค้าและบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป แต่ยังพัฒนาให้ทันต่อความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนโคราชอยู่เสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่นึกถึงเครื่องดื่มและเบเกอรี่สดใหม่เราจึงหวังว่า Mezzo เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ในหัวใจชาวโคราช เพราะสุดท้ายแล้วในทุกๆ แก้ว ที่เราตั้งใจทำไม่เพียงแต่ความคุ้มค่าที่คุณจะได้รับกลับไป แต่ยังช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ลูกหลานชาวโคราชและพี่น้องเกษตรกรของไทยอีกด้วย จากหนึ่งความฝันจุดประกายความคิดนำมาสู่การลงมือทำ จากวิศวกรตัวเล็กๆ คนหนึ่งสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟและเบเกอรี่โครงข่ายขนาดใหญ่ ที่อาจสร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดเมล็ดกาแฟไทยของพี่น้องเกษตรกรชาวไทยให้มีชื่อเสียงในเวทีโลกไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะนำชื่อเสียงมาสู่เมล็ดกาแฟบนยอดดอยของไทยแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูราคาพืชผลให้พี่น้องเกษตรกรบนดอยได้ลืมตาอ้าปากอีกด้วย หลังจากนี้ไปเชื่อว่าชาวโคราชจะมอง Mezzo Coffee ในมุมใหม่ และช่วยเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจดีๆ แบบนี้ไปถึงฝั่งฝันไปพร้อมๆ กัน
บุญใหญ่ ครอบครัวสุวรรณชาติ บริจาคที่ดินให้ รพ.มหาราช ที่ดินเนื้อที่ 237.4 ตารางวา พื้นที่ติดกับตลาดสุรนารี
ปีนี้เตรียมตัวโยก neon space Yappah Fest #4 เทศกาลดนตรีใหญ่กลางเมืองโคราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ Mayfair Market