สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อายุเฉียด 50 ปีไม่กี่เดือน แต่ในอีกด้านหนึ่งของชีวิต ขุนคลังผู้นี้เป็นพ่อของลูกสามคน ลูกชายคนโต ด.ช.ณภัทร หรือ “ลูกคิด” อายุ 15 ปี ลูกชายคนที่สอง ด.ช. ณพล หรือ “ลูกเต๋า” อายุ 10 ปี และลูกคนที่สาม ด.ช. ณฉัตร หรือ “ลูกคลัง”อายุ 7 เดือนขุนคลังพ่อลูกอ่อน เล่าว่า การเลี้ยงลูกเล็กๆ ในวัย 50 ปี เป็นงานที่เหนื่อยแต่มีความสุขมาก จนไม่อยากให้เวลาแห่งความอบอุ่น ผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว”จริงๆ แล้ว เวลาที่อยู่กับลูกเป็นเวลาที่สำคัญมาก ผมอยากให้ลูกเป็นเด็กตลอด เผลอแป๊บเดียวลูกโตเป็นหนุ่มหมดแล้ว” ทุกวันนี้ ประโยคที่ว่า “พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว” ยังฝังลึกอยู่ในใจของรัฐมนตรีเสมอมา เขายังจำได้แม่นว่า สมัยที่ยังเป็นเด็ก ไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อแม่ เพราะฉะนั้น เมื่อเวลามีลูกเอง จึงไม่อยากให้เวลาที่เขากับลูกหลุดลอยผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์”ตอนที่ผมเรียนหนังสือใกล้จบ ผมรู้ว่าแม่ไม่สบาย ผมพยายามเรียนให้เร็วที่สุด

 

เพื่อจะพาแม่ไปเที่ยว พาแม่ไปซื้อของ แต่ก่อนผมเรียนจบไม่กี่เดือน แม่ก็มาจากไปเสียก่อน” และนี่คือที่มาของแคมเปญ “พาแม่เที่ยว” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ท.ท.ท.) ที่เบื้องหลังไอเดียมาจากความรักความผูกพันในครอบครัวทุกวันนี้ แม้ว่าขุนคลังจะทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ โดยมอบหน้าที่เลี้ยงลูกให้ “คุณอนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์” ภริยาที่ยอมเสียสละลาออกจากตำแหน่งรองคณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาดูแลลูกๆแต่เมื่อใดที่มีเวลาว่าง พ่อลูกอ่อนจะโผกลับรังทันที ยิ่งตอนหลังไม่ได้นั่งควบเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีด้วย ทำให้มีเวลาว่าง ได้อยู่กับลูกเพิ่มมากขึ้นอีกนิด ขุนคลังพ่อลูกอ่อน เผยเคล็ดลับเลี้ยงลูกว่า “เด็กสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกัน เด็กสมัยก่อนมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ เด็กสมัยนี้สบายมีเครื่องอำนวยความสะดวกเยอะ หากเราไม่ค่อยระวัง เด็กจะเสียคนได้ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่”ผู้ใหญ่หลายคนวิตกว่า คนรุ่นใหม่ไร้ราก ไม่รู้จักสาแหรกและเทือกเถาเหล่ากอของตนเอง แต่วิกฤตสังคมไร้ราก

 

ย่อมมิใช่ปัญหาที่เกิดกับครอบครัวของ ดร.สมคิด เพราะในวันหยุดจะเป็นของครอบครัว ถ้าไม่ออกทัวร์ทะเลหัวหิน บางครั้งยอดคุณพ่อจะพาทัวร์บ้านเกิดย่านเยาวราช บริเวณตรอกเทียนกัวเทียน เพื่อชี้ให้ลูกดูว่า ตึกแถวเก่าๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านเกิดของคนจีนครอบครัวใหญ่ ต้นตระกูล “จาตุศรีพิทักษ์” เทคนิคการสอนลูกก็คือ พามาดูบ้านเกิดของพ่อ แล้วสอนให้เขารู้ว่า คุณปู่มาจากเมืองจีน ไม่มีอะไรมาเลย ปู่ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่มุมานะค้าขาย เลี้ยงดูลูก 10 คนให้ได้รับการศึกษาอย่างดี”เมื่อก่อนห้องนั้นอยู่กันเกือบ 20 คน คุณปู่มีลูก 10 คน อาผู้ชายมีลูก8 คนอยู่ด้วยกันทั้งหมด นี่คือคนจีนสมัยก่อน ผมบอกลูกว่า คนเราทุกคนต้องทำความดี รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร อย่าลืมตัว ” แม้ว่า “สมคิด” จะเป็นนักการตลาดที่เป็นผลผลิตจาก “เคลล็อก” นอร์ธเวสต์เทิร์น ยูนิเวอร์ซิตี้ สหรัฐอเมริกา และเป็นศิษย์เอกของ “ฟิลิป คอตเลอร์”

 

แต่วิธีการเลี้ยงลูกของเขากลับเป็นวิถีแห่งตะวันออกล่าสุด ทั้งสมคิดและภริยาตกลงกันว่า จะไม่ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศในวัยเยาว์ เช่น แฟชั่นเศรษฐีไทยที่นิยมส่งลูกเรียนนอก เพียงเพื่อจะให้ลูกๆ พูดภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษาทั้งๆ ที่ ขุนคลังและภริยามีสินทรัพย์ที่แจ้งไว้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มากกว่า 82 ล้านบาทด้วยความร่ำรวยขนาดนี้ สามารถส่งลูกชายทั้งสามคน เรียนจบด็อกเตอร์ในต่างประเทศได้อย่างสบายๆ ชนิดขาหน้าแข้งไม่ร่วง แต่ครอบครัวนี้เลือกที่จะเลี้ยงลูกให้อบอุ่นกับอกมากกว่า ส่งลูกไปอยู่กับฝรั่ง”คนจีน คนไทย มีวัฒนธรรมคล้ายกันคือ ช่วงที่จะซึมซับวัฒนธรรมคือช่วงที่อยู่ในวัยเด็ก หากเด็กไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เล็กๆ ลูกจะกลายเป็นลูกฝรั่ง ไม่ใช่ลูกคนไทย

 

เด็กๆ จะไปรับอารยธรรมที่ผมไม่สันทัดนัก อย่างนี้ ผมทำใจลำบาก” “ผมอยากให้เด็กไฮทัช มากกว่าไฮเทค วันใดที่เขาเป็นผู้ใหญ่ ลิ้นแข็งไปบ้าง ภาษาไม่รื่น ไม่เห็นเป็นไร ผมก็ไปเรียนสหรัฐก็ตอนโตแล้ว เป็นหน้าที่ของอาจารย์ฝรั่ง ที่จะต้องปรับหูให้เข้ากับสำเนียงของผม ช่วยไม่ได้” “สมคิด” เล่าว่า เมื่อตอนเจอ ฟิลิป คอตเลอร์ ตอนนั้นเขาอายุ 27 ปี พูดอังกฤษสำเนียงไทยปนเจ็ก จนอาจารย์คอตเลอร์หูชา แต่จากการที่เขาเป็นคนไฮทัช ทำงานไม่เคยเรียกร้อง เขียนเอกสารเป็นเล่ม ไม่เคยขอค่าตอบแทนจากอาจารย์ฝรั่งจนอาจารย์คอตเลอร์ ต้องหยิบยื่นให้ด้วยไฮทัช ด้วยไมตรี แม้ภาษาเราไม่ดี อาจารย์ก็อดทนฟัง เพราะความผูกพันเสมือนพ่อกับลูก นี่คือ วัฒนธรรมแบบไทยๆ ที่วิถีแบบตะวันตกแห้งแล้ง เพราะเน้นแต่ “ไฮเทค” แต่ปราศจาก “ไฮทัช” “ผมจึงอยากให้ลูกของผมโตที่เมืองไทยแล้วค่อยไปเมืองนอก ไม่งั้นเสียของ ผมตัดใจนะ ผมรักลูก ต้องการให้ลูกเป็นคนดี เพราะฉะนั้น ช่วงที่ลูกต้องการผม มากที่สุดคือช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่น””ภาษาไม่ใช่เรื่องใหญ่ ความเป็นมนุษย์เป็นเรื่องใหญ่กว่า พ่อแม่ผมสอนมาอย่างนี้” นี่คือกลยุทธ์ของ “ขุนคลังสมคิด” ในการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี

 

 

บทความจากมติชนสุดสัปดาห์ โดยคุณศัลยา ประชาชาติ


Comments are closed.

Check Also

ขยายใหญ่กว่าเดิม!! สวนผักลุงฤทธิ์ ผักปลอดสาร เขาใหญ่ ปากช่อง

ห้ามพลาด ขยายใหญ่กว่าเดิม!! สวนผักลุงฤทธิ์-ผักปลอดสาร เ … …