“เลยเขาใหญ่” มาหน่อยเดียว “ถึงวังน้ำเขียว” | ถนนสวย ไหว้พระ ปลูกป่า ชมวิวผาเก็บตะวัน ไม่ใช่แค่เหล่าคนกรุงหรอกนะครับ ที่ใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สั้นๆ หลีกหนีความวุ่นวาย มาสูดอากาศสดชื่นกันที่เขาใหญ่ คนเมืองโคราชอย่างผมก็เช่นกัน แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า บวกกับเสียงเม็ดฝนกระทบหลังคารถอีโค่คาร์คันเก่ง เปรียบเสมือนยาแก้ง่วงชั้นดี หันไปดูเพื่อนร่วมทริป ทุกคนยังตกอยู่ในภวังค์ที่ลากยาวจากเมื่อคืน เสียงล้อบดกระทบถนนผ่านไปเรื่อยๆ ผมใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงนิดๆ ของวันเสาร์ จากโคราชเมืองใหญ่ สู่ทุ่งนา ถึงป่าเขา รถก็หยุดสนิทที่ปั้มปตท.เขาใหญ่ ปกติแล้วผมจะฝากท้องมื้อดึกไว้ที่นี่ แต่วันนี้ลองเปลี่ยนหน่อย ไปลองดูมือเช้ากับร้าน “หิวเมื่อไร ก็แวะมา” กันดู … การเข้าเซเว่นในตอนสายๆ กับตอนดึกนี่อารมณ์ต่างกันมากเลยนะ ไม่มีความคุ้นเคยเลยสักนิด ทั้งที่การจัดวางก็คล้ายกันทุกสาขา ผมเลือกมื้อเช้าของตัวเองเสร็จ นึกได้ขึ้นว่าที่นอนของพวกเราคืนนี้ ยังไม่ได้จอง!!! หลังจากที่เมื่อคืนโต้วาทีกันจนดึกดื่น ว่าจะนอนที่ไหนดีและไม่แพง ทุกคนงัดสารพัดแอพมาเปรียบเทียบราคา สรุปที่พักได้แล้ว แต่ไปจบตรงที่ไม่มีบัตรเครดิต ความเงียบและเฟลเข้ามาปกคลุมโดยไม่มีการพยากรณ์ล่วงหน้า “จองที่พัก ไม่ใช้บัตรเครดิต” ลองถามกูเกิลดู เฮ้ย! มีจริงเว้ย! แล้วก็มาจบที่ โปรโมชั่น Traveloka จองในแอพได้ส่วนลดอีก 20% (ส่วนลดขึ้นอยู่กับดวงและช่วงที่จอง) ทำให้เราได้ค่าเครื่องดื่มเย็นนี้เพิ่มแล้ว แต่ข่าวไม่ค่อยดีจากพนักงานเซเว่น เมื่อผมทราบว่า ห้องที่กดจองมาเมื่อคืนหมดเวลาจ่ายเงินแล้ว หลังจากที่เรายื่นมือถือให้แสกนบาร์โค้ดจ่ายเงิน ซวยยย! แต่ก็เหมือนฟ้ามีตา สวรรค์โปรด ยังมีห้องว่างให้ 4 ชีวิต ในโรงแรมที่หมายหมั้นกันไว้ นึกว่าจะเป็นม่ายกันแล้ว ตึ๊ดดดด! เสียงดังคุ้นเคยดังขึ้น หลังจากแสงสีแดงกระทบจอมือถือที่สว่างจ้า ห้องตกเป็นของเราโดยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที จากเริ่มต้น จ่ายตังค์สิ!!! ทริปวันนี้เราตั้งใจขับรถไปเรื่อยๆ ตามถนนเส้นเขาใหญ่- วังน้ำเขียว บรรยากาศและธรรมชาติข้างทางในช่วงฤดูฝน แทบไม่ต้องเปิดแอร์ ภูเขาสูงต่ำสลับกันไป พร้อมความเขียวของต้นไม้ ใครว่าหน้าฝนไม่น่าเที่ยว ผมกลับคิดว่ามันเหมาะกับการมาเที่ยวแถบภูเขาเป็นที่สุด อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะไม่ชอบความหนาวเหน็บ ถนน 2 เลน เรียบๆ คดโค้งพอสมควร บางจุดอยู่ในมุมที่สามารถชมวิวภูเขาสวยๆ ได้ทั้งลูก เส้นทางนี้ผ่านที่เที่ยวสำคัญๆ เช่น เขาแผงม้า อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง 2 ที่รอบๆ ทางจักรยานไว้ให้ได้ปั่น พร้อมชมวิวภูเขาฟินๆ ไม่นานเราก็มาโผล่ฝั่งอ.วังน้ำเขียวแล้ว จุดหมายปลายทางของเราคือ “ผาเก็บตะวัน” เราเลี้ยวซ้ายตามถนน 304 ที่เชื่อมภาคอีสานไปยังทะเลตะวันออก ในช่วงนี้กำลังมีการก่อสร้างขยายช่องจราจร จุดสังเกตถึงทางเข้าผาเก็บตะวันคือ “หลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก” ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่าน ให้เหล่าศิษย์ได้แวะไหว้สักการะ วัดบุไผ่ หรือวัดบ้านไร 2 เป็นสถานที่ที่เราแวะจุดแรก ทำบุญไหว้พระกันสักนิด ถ้ามาจากเส้นเขาใหญ่-วังน้ำเขียว ก็ยูเทิร์นก่อน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามา ตรงซ้ามวัดบุไผ่ มีที่จำหน่ายของฝากด้วย องุ่น พุทรานมสด ผักอินทรีย์สดๆ ผลผลิตสดๆ หรือแปรรูปจากธรรมชาติก็มีให้เลือกซื้อ เส้นทางจากปากทางเข้าไปยังผาเก็บตะวัน เขตอุทยานแห่งชาติทับลาน เต็มไปด้วยความเขียวของต้นไม้ ใครได้มาแล้วจะหลงรักวังน้ำเขียว ช่วงใกล้ถึงผาเก็บตะวัน ความสดชื่นจากธรรมชาติ ก็เพิ่มทวีคูณจนอดใจไม่ไหวที่จะปิดแอร์ ลดกระจกรับเอาอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด รถจอดสนิทที่หน้าผาเก็บตะวัน ผมยังไม่ทันจะจัดแจงดึงเจ้ามือถือที่เสียบสายชาร์จในรถไว้อย่างวุ่นวายได้เสร็จ เหล่าเดอะแก็งค์ก็พุ่งทะยานออกจากรถอย่างรวดเร็ว มุ่งไปที่หน้าผา งานสำรวจตั้งแต่ทางเข้าจึงเป้นหน้าที่เราอีกแล้วสินะ อื้อหือออ!!! รถคันนี้จอดตั้งแต่เมื่อไรเนี่ยย หลังจับที่เดินไปสัมผัสตัวรถ พร้อมใช้พลังวิเศษนึกย้อนอดีตที่รถคันเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมา น่าจะอยู่ในช่วงทหาร GI ที่ใช้โคราชเป็นฐานทัพเมื่อ 40-50 ปีก่อน dav มุมบังคับผาเก็บตะวัน ใครมาแล้วไม่ถ่ายเจ้าป้ายหินนี่ถือว่าผิดนะ จะถือว่าคุณมาไม่ถึง (ฮา) พูดถึงโคราชบ้านเรานี่ก็ดีนะ มีผืนป่าธรรมชาติใหญ่ๆ ตั้ง 2 อุทยาน คือ อุทยานแห่งชาติทับลาน และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และยังเป็นผืนป่ามรดกโลกที่ยูเนสโก้รับรองไว้ด้วย ผาเก็บตะวัน อยู่บนยอดเขา เป็นพื้นที่ราบ มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา นี่ก็อีกไฮไลท์ เหมือนป้อมปราการ หรือจะเรียกว่าหอคอยดี สร้างอยู่บนเรือนยอดไผ่หลายร้อยต้น ด้านบนสามารถขึ้นไปถ่ายรูปชมวิวได้ dav อากาศเย็นสดชื่นมากๆ เพราะฝนเพิ่งหยุดตกก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที ข้างล่างมองลงไปภูเขาและป่าไม้ไกลสุดลูกหูลูกตาเขียวตัดกับฟ้าที่ไม่ค่อยใส่เท่าไร มาผาเก็บตะวันต้องมายิง “หนังสติ๊ก” ห้ามเด็ดขาดที่จะเอาก้อนหินมาเป็นลูกกระสุน ด้านหน้าตรงทางเข้าเขามีลูกมะค่าโมงจำหน่าย ยิงกันเพลินเลย สนุกและยังได้ช่วยปลูกป่าด้วย แอบลุ้นเหมือนกันว่าลูกที่ยิงไปมันจะงอกไหม เอาอีกสักถุง ยิงไปยิงมา ยางหนังสติ๊กขาดซะงั้น TT มาๆ โดดหน้าผากัน ฮ่าๆๆ ใครจะอยากลองสละชีพเป็นอาหารเสือล่ะ เดินไปสูดอากาศคลีนๆ ปล่อยให้ลมปะทะหน้า กางแขน เปรียบดั่งตัวเองเป็นแจ็คกะโรสบนเรือไททานิค ถ่ายรูปเหงาๆ ก็สวยนะ ลานด้านบน นอกจากจะมีหน้าผา ให้ได้ชมวิวแล้ว ยังมีพื้นที่โล่งๆ ให้ทำกิจกรรม วิ่งเล่น กางเต้นท์ ชมดาว ชมหมอก สัญญาว่าจะมาชมทะเลหมอกที่นี่ให้ได้ ขากลับเราแวะซื้อของฝากตรงทางเข้านิดหน่อย โดยที่ทุกคนลงความเห็นว่าจะแวะจิบกาแฟแก้ง่วงที่ “เวลาเวียน รีสอร์ท” ที่จริงเป็นรีสอร์ทนะ แต่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักที่นี่มาใช้บริการได้ด้วย วิวสวยมากกกกกกกก สระว่ายน้ำติดกับคาเฟ่ เอากาแฟมานั่งจิบ ชมวิวภูเขาได้ด้วย สโลว์ไลฟ์ไปอีก ถ่ายรูปเช็คอินสวยทุกรูป กดๆ ไปเถอะชัทเตอร์อ่ะ ไม่ต้องกลัวเปลืองฟิล์ม dav ปล่อยให้เวลาหมุนเวียนผ่านไปดั่งชื่อรีสอร์ท แปปเดียวก็ถึงเวลาที่ต้องกลับฝั่งเขาใหญ่แล้ว คราวหน้ามาเขาใหญ่ อย่าลืมลองไปฝั่งวังน้ำเขียว สวิสเซอร์แลนด์ แดนอีสานด้วยล่ะ ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวจะมีไร่สตรอวเบอร์รี่ให้แวะชิม มีฟลอร่าปาร์คให้ได้ชมดอกไม้นานาพรรณกันด้วย
บุญใหญ่ ครอบครัวสุวรรณชาติ บริจาคที่ดินให้ รพ.มหาราช ที่ดินเนื้อที่ 237.4 ตารางวา พื้นที่ติดกับตลาดสุรนารี
ปีนี้เตรียมตัวโยก neon space Yappah Fest #4 เทศกาลดนตรีใหญ่กลางเมืองโคราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ Mayfair Market