เมื่อสื่อมวลชนไทยทุกสำนักเรียกวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อัดยาแรงแก้พิษการจับจ่ายใช้สอยที่ซึมเซาว่า “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ”

แต่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่ชอบ ไม่อยากให้ใช้คำว่า “กระตุ้นเศรษฐกิจ” เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องออกหลายครั้ง

“ไม่ชอบคำนี้เลย อะไรกระตุ้นบ่อย ๆ ได้ยังไง”

somkid
ที่มารูปภาพ : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

“สมคิด” จึงใช้โอกาสที่พบเจอผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ปรับ-เปลี่ยน-ปลุก วิธีคิดให้ “บรรดาพ่อเมือง” นำไปอธิบายแก่องคาพยพในจังหวัดเสียใหม่ “สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือไปช่วยคนกลุ่มใหญ่ในสังคมที่ยากลำบากในระดับฐานรากทั้งเกษตรกร และเอสเอ็มอี ให้ก้าวข้ามผ่านชีวิตในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้ได้ นี่คือจุดเริ่มต้น”

“สมคิด” เริ่มเปิดคัมภีร์เศรษฐศาสตร์ อธิบายแก่พ่อเมืองว่า สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือความแข็งแกร่งของประเทศไทย ที่ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอในการรองรับอนาคตของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

โดยสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้แข็งแกร่งมี 3 กลุ่ม เปรียบเหมือนยา 3 เข็ม หากไม่เปลี่ยนจะเป็นสิ่งที่น่ากังวล แต่ไม่ถึงกับแย่ เข็มแรกหนึ่งแนวทางปรับปรุงการพัฒนาประเทศไทยใช้เวลาสามสิบปี เน้นการส่งออกเป็นตัวนำในการพัฒนาเศรษฐกิจ เดิมทีไม่ใช่อย่างนี้ แต่ในช่วงตลาดโลกบูมขึ้นมา มีการลงทุนในประเทศไทยสูงมากโดยเฉพาะญี่ปุ่น วิธีการที่ก้าวกระโดดให้มีการอุดหนุนการลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทย เมื่อผลิตแล้วก็ส่งออกไปได้เงินตราต่างประเทศเข้ามาทำให้เกิดการจ้างงานเกิดขึ้น

“จะเห็นได้ว่า 20 ปีที่ผ่านมา จากประเทศเล็ก ๆ จีดีพี 7-8 เปอร์เซ็นต์ธรรมดาเลย จีดีพีเราเคยโต 11-13 เปอร์เซ็นต์ ในปี พ.ศ. 28-30 ด้วยซ้ำไป และงบฯส่วนใหญ่ถูกทุ่มมาที่ดึงคนลงทุนและส่งออก การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเน้นส่วนนี้เป็นส่วนใหญ่ บีโอไอเน้นส่วนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนเรามีขาสองข้าง ขาข้างขวาใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เกิดความเจริญจีดีพีสูง แต่ขาอีกข้างหนึ่งซึ่งเป็นขาของคนส่วนใหญ่ในภูมิภาค ความเจริญไม่ได้อยู่ถึงตรงนั้น ออกจาก กทม.เมื่อไหร่เหมือนอยู่อีกโลก เหมือนคนที่เป็นโปลิโอ ข้างหนึ่งแข็งแรง ข้างหนึ่งอ่อนแอ”

“มองไป 75 จังหวัด จริง ๆ ประเทศไทยรายได้ต่ำ แต่ถัวเฉลี่ยมาหารก็กลายเป็นรายได้ปานกลาง ถ้าเรายังเดินนโยบา้ย ส่งออกอย่างเดียว มันก็เหมือนอิงอยู่บนขาข้างขวาข้างเดียว เมื่อใดที่มีปัญหาในตลาดโลก ประเทศเราจะเกิดปัญหาทันที เพราะเราอิงอยู่กับขาข้างขวาซึ่งแข็งแรง พิงอยู่กับคนอื่น แต่ซ้ายกลับอ่อนแอ” “หนทางที่ทำให้ตัวเราเองแข็งแรง คือการสร้างขาข้างซ้ายให้แข็งแรงเท่า ๆ กับขาข้างขวา ต้องเติบโตจากภายใน ฐานที่แท้จริงต้องแข็งแรง นั่นคือเศรษฐกิจฐานราก มีการผลิต มีการค้าขาย จ้างงาน เกิดกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศ สร้างเศรษฐกิจ”

“ถึงเวลาต้องเปลี่ยนกระทรวงพาณิชย์ แต่เดิมไม่ใช่ตั้งขึ้นมาเพื่อเน้นการส่งออก แต่เพื่อให้เกิดการค้าการขายให้เกิดกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ ถึงเวลาต้องวกกลับมาดูว่าสร้างความคึกคักอย่างไร” “การท่องเที่ยวทำไมต้องให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำคนเดียว คนมาเที่ยวช็อปปิ้งอย่างเดียวหรือเปล่า เปล่าแน่ ท่องเที่ยวดูสิ่งใหม่ ๆ วัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นนโยบายท่องเที่ยว ต้องปรับความน่าสนใจในการท่องเที่ยวในประเทศ 77 จังหวัดท่องเที่ยวเต็มไปหมด แต่ทำไมทำลวก ๆ โบราณสถานมหาศาล แต่ทำไมไม่ทำให้มันมีสตอรี่ที่ดี”

“เข็มที่สอง ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทุกวันนี้ที่การส่งออกชะลอตัวอย่าไปโทษตลาดโลกไม่ได้ สินค้าเริ่มแข่งไม่ได้ สิ่งทอที่เคยถือว่าแน่ ๆ เราพูดว่าต้องดูเรื่องดีไซน์ ดูเรื่องคุณภาพเส้นใย แต่พอเจอ ยูนิโคล่ ซาร่า ตายเลย เดือนสองเดือนเปลี่ยนโมเดลแล้ว เอาดีไซน์นำ ทำให้ค่ายเสื้อผ้าระดับโลกตายหมดเหมือนกัน” “เมื่อความสามารถในการแข่งขันด้อยลงมา ทั้งเทคโนโลยีการผลิต ค่าแรง ดังนั้นเราต้องสร้างความสามารถการแข่งขันตนเองขึ้นมา ทำให้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษคลัสเตอร์เกิดขึ้น สร้างความแข่งขันเฉพาะอย่าง เน้นการสร้างความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมเฉพาะอย่างที่เป็นเป้าหมายของเราในอนาคตข้างหน้า บางแหล่งของจังหวัดของประเทศเหมาะอย่างยิ่งที่จะทำอุตสาหกรรมประเภทนี้ สร้างแรงจูงใจ ผู้ผลิตไปลงทุนในแหล่งนั้น รวมถึงมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยไปลงในจุดนั้น เพื่อให้เกิดแหล่งนวัตกรรม สิ่งใหม่ ๆ ให้นวัตกรรมเหล่านี้แปลงเป็นผลผลิตทางการค้าส่งออกได้ นั่นคือหัวใจของคลัสเตอร์ สิ่งนี้กำลังเป็นตุ๊กตาออกมา จะเลวจะชั่วไม่เลวกว่าของเดิมแน่นอน เพราะเราไม่เคยมี”

เข็มที่สาม คือการพัฒนาภาคบริการที่เป็นอนาคตของไทย “สมคิด” บอกว่า ไทยท่องเที่ยวแน่นอน เป็นเศรษฐกิจสำคัญที่สุดของไทยไม่แพ้เกษตร เปรียบเป็นท่องเที่ยวเหมือนร่มคันใหญ่ ถ้าท่องเที่ยวทำได้ดี มีทั้งการผลิต โรงแรม โรงงาน อาหารการกินเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่ชักชวนมาเที่ยวเมืองไทย แต่ต้องสร้างขึ้นมาจากภายใน แต่ละจังหวัดและอำเภอมีแหล่งอยู่ ต้องคิดสิ่งเหล่านี้” สุดท้าย “สมคิด” ขอปรับ-เปลี่ยนบทบาทผู้ว่าฯไว้ 4 เรื่อง หนึ่ง บทบาทผู้ว่าฯในอนาคต จะต้องเป็น “Change Agent” ถ้าต้องการให้เกิดการเติบโตจากภายใน เกษตรกรเปลี่ยนวิถีชีวิตดูแลกันเองได้ เราออกความคิดริเริ่มให้เกิดการพัฒนา ให้แรงบันดาลใจ ให้ชาวบ้านอยากทำตามแล้วเข้าไปดู สองบทบาทเชิงสถาปนิก ต้องมีจินตภาพดีไซน์คอนเซ็ปต์อย่างไร แต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน สาม ผู้ขับเคลื่อน เมืองไทยมีแต่ยุทธวิธี แต่ไม่มีการขับเคลื่อน ผู้ว่าฯต้องทำสิ่งเหล่านี้


Comments are closed.

Check Also

เปิดทางเชื่อม มอเตอร์เวย์ M6 – ถนนสุรนารี 2

เปิดทางเชื่อม มอเตอร์เวย์ M6 – ถนนสุรนารี 2 ตั้งแ … …