โฉมใหม่ ‘วัดศาลาลอย’ เนรมิตสวนน้ำตก สร้างที่พักผ่อนหย่อมใจ ดึงนักท่องเที่ยว “วัดศาลาลอย” เนรมิตบรรยากาศ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ได้ทั้งความเป็นสิริมงคล วัดประวัติศาสตร์เมืองโคราช ล่าสุดได้มีความเปลี่ยนแปลงภายใน “วัดศาลาลอย” อย่างเห็นได้ชัดเพราะทางวัดได้มีการปรับพื้นที่ปรับปรุงใหม่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับประชาชนที่มาสักการะย่าโมในวัด มาทำบุญและได้พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของต้นไม้และน้ำตกที่ตกแต่งอย่างสวยงามและร่มรื่น พร้อมลานจอดรถใหม่อีก 50 คัน “สำหรับการพลิกโฉม “วัดศาลาลอย” เริ่มจากที่จอดรถหน้าวัดมีพื้นที่ไม่พอต่อจำนวนประชาชนที่เข้ามาที่วัดซึ่งจอดได้ประมาณ 50 คันเท่านั้นและที่จอดทางเข้า จึงได้รวบรวมเงินจากปัจจัยที่ประชาชนมาทำบุญซื้อที่ดินเพิ่มที่จอดรถด้านในวัดอีก 50 คัน และจากแนวคิดของ เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย “พระเทพรัตนดิลก” ซื้อที่ดินด้านหลังอีกเพราะท่านมองว่าอยากจะทำให้ประชาชนที่มากราบไหว้หรือทำกิจกรรมในวัดได้มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติอยู่ในวัดเลย” “เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย มองว่าสังคมใช้ชีวิตของคนไทยโดยเฉพาะยุคนี้คนไทยนิยมถ่ายภาพเซลฟี่ลงโซเชียล เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรมฯลฯ กัน ทำให้ไม่ต้องไปทำป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะประชาชนที่มาวัดศาลาลอย ก็จะถ่ายภาพลงโซเชียลทำให้คนอยากมาดูมาเที่ยว เพราะปกติวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามา 4-5 พันคนต่อวันส่วนวันธรรมดาก็ประมาณ 2 พันคน หากเป็นวันหยุดยาวจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าแทบเดินเบียดกันเลย” “ดังนั้น “วัดศาลาลอย” ก็นำแนวทางยุคโซเชียลมาประยุกต์ นำมาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มไฮไลท์ใหม่เป็นจุดดึงดูดตรงข้ามหน้าประตูอุโบสถ ที่มีปูนปั้นรูปท้าวสุรนารีนั่งพนมมือกลางสระน้ำ จะเป็นสวนพักผ่อน เช่น สร้างน้ำตกขนาดใหญ่ มีธารน้ำไหล มีมุมถ่ายภาพเซลฟี่สวยๆกับธรรมชาติ มีร้านกาแฟและขายของขบเคี้ยวขนมต่างๆ ส่วนเด็กๆก็จะสนใจหุ่นซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง สไปเดอร์แมน, ไอร่อนแมน, กัปตันอเมริกา, ซูเปอร์แมน ซึ่งวัดซื้อมาตัวละ 25,000 บาท ไว้ให้เด็กๆและผู้ใหญ่ได้มาถ่ายรูปเซลฟี่ มีม้าไม้เป็นม้าโยกรูปสุนัขฯลฯ” “ต่อไปทางวัดมีโครงการจะซื้อที่ดินด้านในเพิ่มทำเป็นสวนพักผ่อนต่อจากสวนน้ำตกและมีลานสนทนาธรรมด้วย ทำด้านหลังให้เป็นโซนญาติโยมที่มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัด และได้รีแล็กซ์ไม่ใช่มาวัดอย่างเดียว เพื่อหารายได้เข้าวัดเพื่อนำไปพัฒนาภายในวัดต่อไป รวมแล้วที่วัดศาลาลอยพัฒนาเป็นลานจอดรถ, สวนพักผ่อน, น้ำตกฯลฯ โดยได้เงินมาทำตรงนี้จากประชาชนที่มาทำบุญบริจาคให้วัด” สำหรับ “วัดศาลาลอย” ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้น กับ พระยาสุริยเดช หรือ ปลัดทองคำ ปลัดเมืองนครราชสีมา ผู้เป็นสามี หลังจากที่รบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2370 หลังจากเสร็จศึกสงครามที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ขณะยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา คุณหญิงโมได้แวะพักบริเวณท่าตะโก และได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาเสี่ยงทายลอยไปตามลำตะคอง พร้อมตั้งจิตอธิฐาน หากแพรูปศาลานี้ ลอยไปติดอยู่ ณ ที่แห่งใด จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งแพได้ลอยไปติดอยู่ริมฝั่งขวาของลำตะคอง ซึ่งเป็นวัดร้าง จึงได้สร้างพระอุโบสถขึ้น เป็นวัดศาลาลอยในปัจจุบัน “ท้าวสุรนารี” ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2395 (เดือน 5 ปีชวด จัตวาศก จศ. 1214) สิริรวมอายุได้ 81 ปี เมื่อท้าวสุรนารีถึงแก่กรรม เจ้าพระยามหิศราธิบดีได้จัดการฌาปนกิจศพที่ วัดศาลาลอยและเจ้าพระยามหิศราธิบดี ได้ก่อเจดีย์ (สถูป)บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีไว้ ณ ตรงข้ามหน้าโบสถ์หลังเก่า วัดศาลาลอย ที่ท้าวสุรนารีสร้างไว้ เจดีย์ดังกล่าวยังคงมีอยู่ ณ ปัจจุบัน และที่หน้าอุโบสถหลังเก่านี้ ปัจจุบันก็มีรูปปั้น เจ้าพระยามหิศราธิบดี หรือ ปลัดทองคำ สามีย่าโม อยู่ด้วย “วัดศาลาลอย”แตกต่างจากวัดไทยทั่วไป โดยมีความโดดเด่นตรงที่รูปทรงของพระอุโบสถคล้าย “เรือสำเภาโต้คลื่น” ซึ่งเป็นศิลปะประยุกต์ คือ อุโบสถ์เรือสำเภา (โต้คลื่น) สร้างเมื่อ พ.ศ.2510 อีกทั้งวัดศาลาลอยยังได้รับรางวัลดีเด่นด้านบุกเบิกอาคารอุโบสถทางด้านศาสนาจากสถาปนิกสยามปี พ.ศ.2516 และรางวัลจากมูลนิธิเสถียรโกเศศ และนาคะประทีป ใช้วัสดุพื้นเมือง คือกระเบื้องดินเผาด่านเกวียน นำมาประดับตกแต่ง เช่น ผนังด้านหน้าอุโบสถ เป็นภาพพุทธประวัติตอน มารผจญ ผนังด้านหลังเป็นภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ ส่วนบานประตูเป็นโลหะลายนูน ภาพเล่าเรื่องเวชสันดรชาดก (13 กัณฑ์) ภายในมีพระประธานปูนปั้นสีขาว ปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปยืนประทับ ณ ประตูเมืองสังกัสนคร พระนามว่า “พระพุทธประพัฒน์สุนทรธรรมพิศาล ศาลาลอยพิมาลวรสันติสุขมุนินทร์” ตรงข้ามหน้าประตูอุโบสถ มีปูนปั้นรูปท้าวสุรนารีนั่งพนมมือกลางสระน้ำ ตัวอุโบสถล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปเสมา สัญลักษณ์ของเมืองเสมาเดิม ด้านข้างมีสถูปขนาดเล็กซึ่งเคยใช้เป็นที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารี ความสำคัญของวัดศาลาลอยไม่ได้มีเพียงสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่เป็นวัดที่ท้าวสุรนารีพร้อมด้วยเจ้าพระยามหิศราธิบดีสวามีของท่าน สร้างขึ้นหลังจากชนะข้าศึก โดยลอยแพรูปศาลาลงตามลำตะคองและอธิษฐาน หากกระแสน้ำล่องแพไปทางทิศทางใด ก็จะสร้างวัดเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการศึกสงคราม ตรงที่แห่งนั้น นอกจากนี้ภายในวัดศาลาลอยยังได้มีการสร้างหลวงพ่อโสธร(จำลอง)ประดิษฐ์ฐาน เพื่อให้ลูกศิษย์มีโอกาสกราบไหว้สะดวก ไม่ต้องเดินทางไปแปดริ้ว อีกด้วย
บุญใหญ่ ครอบครัวสุวรรณชาติ บริจาคที่ดินให้ รพ.มหาราช ที่ดินเนื้อที่ 237.4 ตารางวา พื้นที่ติดกับตลาดสุรนารี
ปีนี้เตรียมตัวโยก neon space Yappah Fest #4 เทศกาลดนตรีใหญ่กลางเมืองโคราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ Mayfair Market