ที่มาจาก พันทิพ ตามไปโหวตกระทู้ ตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ ผมอดไม่ได้ที่อยากจะนำเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นที่ผมได้มีโอกาสพบเจอโดยบังเอิญเมื่อเช้าวันนี้ ในขณะที่ผมกำลังขี่มอไซด์บนเขาใหญ่ กลับจากผาเดียวดาย เพื่อไปยังน้ำตกเหวสุวัต ระหว่างทางก็ได้พบเด็กวัยรุ่นสองคน ชาย 1 หญิง 1 เดินคนละฝั่งถนน ในมือถือถุงขยะพะรุงพะรัง จึงได้จอดรถเพื่อทำความรู้จักและสอบถามความเป็นมา โดยสังเกตุหน้าของน้องๆ เต็มไปด้วยเหงือหลายหยุด เพราะวันนี้บนเขาใหญ่อากาศร้อนมาก ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีก็คิดว่าเป็นกลุ่มอาสาสมัครมาเก็บขยะ แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวของทั้งสองคน ผมทึ่ง และอึ่งกับน้องทั้งสองคนมาก โดยเป้(ผู้ชาย) และปอ (ผู้หญิง) ได้เล่าว่าทั้งสองคนต่างคนต่างมา ไม่รู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างนั่งรถโดยสารมาลงที่ด่านเก็บเงินทางขึ้นเขาใหญ่และตั้งใจจะโบกรถขึ้นไปด้านบน เนื่องจากรถโดยสารสาธารณะสุดปลายทางที่ป้อมเก็บเงิน แต่ในระหว่างที่กำลังจะโบกรถ ทั้งสองก็ได้มาเจอและรู้จักกันเป็นครั้งแรกที่ด้านหน้าอุทยานแห่งนั่น จึงตกลงว่าจะโบกรถไปด้วยกัน โดยจุดหมายปลายทางคือลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ที่อยู่ห่างออกไป 24 กิโลเมตร ทำให้ทั้งสองคนได้ทำความรู้จักกัน เป็นมิตรภาพนักเดินทางที่ต่างคนต่างมาคนเดียว แต่สุดท้ายทั้งสองก็ได้เป็นเพื่อนกัน จนกระทั้งเช้าวันนี้ ทั้งสองจะโบกรถกลับลงมาด้านล่าง จึงเดินออกจากผากล้วยไม้ เดินไปเรื่อยๆ โบกรถไปเรื่อยๆ เพียงแต่ว่า… เดินได้ไม่กี่ก้าว ก็เจอขยะมากมายเต็มสองข้างถนน คงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดยาวติดกัน 3 วัน ทั้งสองจึงตกลงใจกันว่าจะเดินเก็บขยะไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหนื่อย แต่เชื่อหรือเปล่าครับ จุดที่ผมเจอน้องเขา คือน้องเขาเดินผ่านลานกางเต็นท์ลำตะคองมาได้ประมาณ 1-2 กิโลเมตรเห็นจะได้ เมื่อบวกกับลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ น่าจะ 4-5 กิโลเมตรครับ ในมือทั้งสองเต็มไปด้วยถุงขยะหลายถุง แค่เดินมาเฉยๆ ผมก็ว่าเหนื่อยแล้ว นี่ต้องเดินร้อนๆ ก้มๆ เงยๆ เก็บขยะที่เกลื่อนกราดมาตลอดเกือบ 5 กิโลเมตร ผมยอมใจน้องทั้งสองคนนี้เลย จึงขอช่วยเท่าที่ช่วยได้ โดยการนำเอาถุงขยะเหล่านั้นมาใส่มอไซด์ผม แล้วผมจะเอาไปทิ้งให้ โดย ณ ตอนนั้นผมสามารถทำได้แค่นั้น แต่น้องทั้งสองคนได้เป็นแบบอย่างให้ผม ซึ่งผมเองได้บอกกับน้องว่า “ต่อไปนี่ ถ้าพี่ปีนเขา เดินป่า หรือมีโอกาสที่จะเก็บขยะกลับมาทิ้ง พี่จะทำโดยนึกถึงน้องทั้งสองคนเป็นแบบอย่าง” และด้วยความประทับใจในเด็กวัยรุ่นทั้งสองคน ซึ่งกล้าหาญในการเดินทางเที่ยวคนเดียว และกล้าที่จะโบกรถ แล้วยังมีน้ำใจเสียสละเวลา ความเหน็ดเหนื่อยทำเพื่อสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ผมจึงขอให้น้องๆ ช่วยจดบันทึกชื่อที่อยู่ลงในไดอารี่การเดินทางส่วนตัว เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้เจอเด็กวัยรุ่นที่น่ายกย่อง เพื่อนๆ ลงมาดูสิ่งที่เขาเขียนกันนะครับ น้องเป้ ฤทธิเดช เกตตากแดด อายุ 25 ปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี น้องปอ สายธาร ใจเพ็ง อายุ 18 ปี เรียนอยู่อัสสัมชัญนครราชสีมา จากนั้นก็ขอถ่ายรูปน้องๆ เป็นที่ระลึก แล้วจึงให้น้องเขาได้ทำหน้าที่เพื่อสังคมต่อ น้องๆ จึงเก็บขยะที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นโดยผมได้ช่วยแค่นิดหน่อย ระหว่างนั้นสงสัยขึ้นมาเลยถามน้องๆ ว่า “แล้วน้องๆ จะเอาถุงจากไหนใส่ขยะเหล่านั้นครับ” น้องๆ จึงตอบว่า “เดี๋ยวก็เจอขยะที่เป็นถุงใหญ่ๆ ค่ะ ถุงทุกใบที่พี่เอาไปทิ้ง หนูก็เจอจากข้างถนนนี่แหละค่ะ” ผมฟังแล้วสลดมาก ทำไมแค่ขยะไม่กี่ชิ้น เราถึงเก็บไว้กับตัวจนกว่าจะเจอถังขยะไม่ได้ บ่อยครั้งที่ผมขับมอไซด์เที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็เจอคนขว้างขยะออกมาจากรถต่อหน้าต่อตา ครั้งจะเก็บไปขว้างใส่รถเขาก็กลัวจะโดนยิง ที่ผ่านมาผมทำได้แค่ไม่ทิ้ง ไม่เพิ่มภาระให้สังคมเท่านั้น แต่น้องทั้งสองคนกลับช่วยเหลือในการเก็บกวาด ยิ่งเห็นเหงือซึ่งไหลย้อยเต็มหน้า เต็มหลังเสื้อ มันยิ่งทำให้รู้ว่าไม่ใช้ง่ายๆ เลยที่เด็กสองคนนี้จะต้องทำความสะอาดถนนให้คนที่มักง่ายมาระยะทางร่วม 5 กิโลเมตร และยังเก็บต่อไปเรื่อยๆ.. ผมจึงอยากนำเรื่องราวมาเผยแพร่ เพื่อจะได้เป็นแง่คิดให้กับเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันได้นำไปเป็นแบบอย่าง หรือส่งเรื่องราวถึงใครบางคนที่ชอบทิ้งขยะแบบมักง่าย ทั้งนี้แอบหวังเล็กๆ ว่าเรื่องราวของน้องๆ จะถูกแชร์ไปถึงอาจารย์ให้ได้ภูมิใจในลูกศิษย์ทั้งสอง (เผื่อน้องจะได้รับมอบเกียรติบัตรหน้าเสาธง เป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆ 555+ ) หรืออย่างน้อยๆ ก็ให้พ่อแม่เขาได้รู้ว่าลูก ๆของพวกเขาได้ทำสิ่งที่น่ายกย่อง และน่าภูมิใจที่พ่อแม่ของเขาเลี้ยงดูบุตรให้โตมาเป็นผู้เสียสละ และทำประโยชน์เพื่อสังคม …. มาช่วยกันท่องเที่ยวแบบมีจิตสำนึกกันเถอะครับ แค่ขยะในมือ เอาลงถัง หากทุกคนทำแบบนี้ น้องสองคนก็ไม่ต้องเหนื่อย แหล่งท่องเที่ยวก็จะสวยสะอาดตา เพราะทุกแหล่งท่องเที่ยว มันเป็นของพวกเรา คนไทยทุกคน ขอให้ทุกคนสนุกกับการเดินทาง และสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของเมืองไทยครับ ที่มา www.pantip.com/topic/34826012? ตามไปโหวตกันให้เป็นกระทู้แนะนำได้เลยนะครับ
บุญใหญ่ ครอบครัวสุวรรณชาติ บริจาคที่ดินให้ รพ.มหาราช ที่ดินเนื้อที่ 237.4 ตารางวา พื้นที่ติดกับตลาดสุรนารี
ปีนี้เตรียมตัวโยก neon space Yappah Fest #4 เทศกาลดนตรีใหญ่กลางเมืองโคราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ Mayfair Market