‘ตำรวจ’ เผยข่าวลือชาวบ้านโคราชผวา ‘แก๊งลักเด็ก’ แค่ ‘เซลส์แมน’ ขายผ้าใบ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีวันที่ 29 มีนาคม ชาวบ้าน บ้านยาง หมู่ที่ 2 ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้าน ให้ช่วยประกาศหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน

หลังจากได้มีกลุ่มคนแปลกหน้าจำนวน 2 คน ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับเข้าไปในบ้าน ของนางทองพูน พูนสุข อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/3 หมู่ที่ 2 บ้านยาง ตำบลธารละหลอด อำเภอพิมาย

ในขณะที่นางทองพูน กำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกับหลานสาววัย 2 ขวบ โดยบุคคลดังกล่าว แต่งกายดูภูมิฐาน และมีชายคนหนึ่ง ได้ลงจากรถเดินตรงมาหานางทองพูน และ ตะโกนเรียกว่ามีธุระจะคุยด้วย แต่นางทองพูนบอกว่า ไม่รู้จัก ไม่ต้องมาคุยกัน แต่ชายคนดังกล่าว ยังคงเดินเข้ามาหานางทองพูนกับหลานสาว และสายตา จับจ้องไปที่หลานสาว พร้อมมองเข้าไปบนบ้าน

ทำให้นางทองพูนรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงได้รีบอุ้มหลานสาว และถือไม้กวาดไว้กับมือ แต่โชคดีที่สุนัขที่เลี้ยงไว้ ได้วิ่งเข้าไปพยายามจะกัดชายแปลกหน้าที่กำลังจะเดินเข้ามาหา ทำให้ชายแปลกหน้ารีบเดินหนีไปขึ้นรถนั้น

ส่งผลให้ พ.ต.อ.เอนก ศรีกิจรัตน์ ผกก.สภ.พิมาย ได้สั่งการให้ ชุดสืบสวนสอบสวน ลงพื้นที่ หาข่าว ติดตามกลุ่มคนที่ต้องสงสัยว่า ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่หวังดี และเตรียมที่จะก่อเหตุร้ายนั้น

ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ติดตามสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มคนดังกล่าว เป็นเซลส์แมนขายผ้าใบของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยได้เร่ขายผ้าใบ ไปตามหมู่บ้าน ในระหว่างที่กลุ่มชายดังกล่าวได้ขับรถผ่านมา เห็นนางทองพูนนั่งอยู่หน้าบ้าน จึงต้องการที่จะเข้าไปเสนอขายผ้าใบ แต่อีกฝ่ายตกใจหลังจากเห็นคนแปลกหน้า จึงรีบคว้าหลานและถือไม้กวาด ก่อนที่สุนัขที่เลี้ยงไว้ จะไล่กัดชายแปลกหน้าจนรีบหนีขึ้นรถไป

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่ามีคนร้าย เข้ามา “ตกทอง” ชาวบ้านในพื้นที่ ได้ทองปลอมไป จำนวนหนึ่ง จากการสืบสวนสอบสวน ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วทราบว่า

เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงข่าวลือ ที่เล่าต่อๆ กันมา จึงทำให้ ผู้ใหญ่บ้านเองเข้าใจผิด และได้ประกาศแจ้งเตือนให้ชาวบ้านระมัดระวังตัวดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ฝากแจ้งถึงประชาชนในพื้นที่ อำเภอพิมาย ไม่ต้องตื่นตระหนก หรือหวาดกลัวกรณีแก๊งลักเด็ก หรือแก๊งป้ายยาปลดทรัพย์แต่อย่างใด

เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิด และ เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ได้จัดชุดสายตรวจ วิ่งตรวจความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว

แหล่งข้อมูล : มติชนออนไลน์