The Commuter นรกใช้มาเกิด

หนังว่าด้วยเรื่องของ ไมเคิล นักขายประกัน เขาเดินทางไป-กลับด้วยรถไฟเป็นประจำในเวลาเดิมของทุกวัน จนวันหนึ่งไมเคิลได้ไปพูดคุยกับหญิงสาวนิรนามคนหนึ่ง เธอเสนองานให้ไมเคิลแลกกับเงิน 1แสนเหรียญ เพื่อตามหาผู้โดยสารคนหนึ่งก่อนที่จะถึงสถานีสุดท้าย แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนเขาถูกดึงเขาไปในแผนก่อการร้าย ที่มีชีวิตของคนในขบวนเป็นเดิมพัน รวมไปถึงชีวิตของครอบครัวของเขาด้วย

 

หนังได้ Liam Neeson มาแสดงนำร่วมกับ Patrick Wilson และ Vera Farmiga คู่ผัวเมียนักปราบผีจากเรื่อง The Conjuring โดยผู้กำกับเรื่องนี้ก็ไม่ใช่คนห่างไกลตัวของ Liam Neeson เท่าไหร่เพราะพวกเขาเคยร่วมงานกันมาแล้วถึงสามครั้งอย่าง Jaume Collet-Serra เป็นผู้กำกับชาวสเปนที่เคยมีผลงานดีๆมาแล้วทั้งนั้นอย่าง Orphan,Non-Stop และ The Shallows โดย The Commuter นี้มาในแนวแอ็คชั่น-สืบสวนสอบสวน ที่จะทำให้เราลุ้นเอาใจช่วยตัวละครตลอดทั้งเรื่อง

 

มาพูดถึงความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ว่าชอบ-ไม่ชอบตรงไหนบ้าง

  • ชอบอย่างแรกเลยคือการตัดต่อเร็วๆตอนเปิดเรื่องเพื่อเล่าถึงตัวของไมเคิลว่าเขาเป็นคนทำตามแบบแผนเดิมๆ เวลาเดิมๆอยู่ทุกวัน มันเป็นอะไรที่ดูง่ายๆแต่สามารถเล่าถึงนิสัย เล่าถึงความมีวินัยของตัวละครได้ดี
  • ชอบการเล่าเรื่องที่รวดเร็วไม่มียืดยาด โผล่มาแนะนำตัวละคร ปูเรื่อง แนะนำตัวละครรอง แล้วก็เข้าสู่เรื่องหลักแทบไม่มีแวะข้างทางเลย รวดเร็ว กระชับดี แทบไม่มีช่วงเบื่อเลย
  • หนังมันมีเงื่อนไขที่ดีอ่ะ มันทำให้เราลุ้นไปกับตัวละครอยากให้ทำให้สำเร็จ อาจจะด้วยเพราะว่าหนังมันปูตัวละครนี้ให้น่าเห็นใจตั้งแต่ต้นเรื่องอยู่แล้วด้วย พอมีเงื่อนไขอะไรมาเราก็พร้อมใจจะเอาใจช่วย พร้อมใจที่จะลุ้นตามอย่างเรื่องนี้มีเงื่อนไขเป็นสถานที่ ความปลอดภัย แล้วก็เวลา พอมีเวลาเป็นเงื่อนไขทีไร เราตายทุกที เสร็จให้กับหนังแนวนี้ทุกทีเลย ฮ่าๆๆ
  • ชอบตัวละครของลุงเลียมเรื่องนี้เพราะเขาไม่ได้เก่งเหมือนอย่างเรื่องอื่นๆ เรื่องอื่นๆก่อนหน้านี้จะเล่าว่าลุงเป็นตำรวจ เป็นนักฆ่าเก่า เป็นบอดี้การ์ดบ้างแหละ ทำให้เป็นคนมีวิชาติดตัวพอฉากต่อสู้ดูก็รู้ว่ายังไงลุงก็ชนะไม่น่าเอาใจช่วย แต่เรื่องนี้ลุงเป็นคนขายประกัน ลีลาการต่อสู้ก็แทบไม่มี โดนไปแทบทุกดอก มันได้ลุ้นไง มันเลยสนุกน่าเอาใจช่วย
  • จุดที่ไม่ชอบก็มีเช่น ขณะที่หนังดำเนินเรื่องไปเร็วๆไม่มีเบื่อ แต่มันก็ไม่ได้ปล่อยข้อมูลเพื่อจะหาคนร้ายให้กับคนดูได้รู้เลย พอดูหนังสืบสวนเราก็อยากได้ข้อมูล อยากช่วยพระเอกหาคนร้าย พอนานๆเข้ามันไม่บอกรายละเอียดทำให้รู้สึกว่ารำคาญเหมือนกัน เราอยากได้ข้อมูลไปช่วยพระเอกโว้ยยย ฮ่าๆ
  • ตอนจบก็จบง่ายไปหน่อย หนังมันปูถึงอะไรที่ยิ่งใหญ่ มีเบื้องหลังมีนู่นนั่นนี่ใหญ่โต แต่กลับล้มง่ายๆ ดูไม่ใช่อะไรที่ต่อสู้ยากเหมือนที่ตัวละครกลัวเลย มันเลยทำให้รู้สึกเฟลที่มันปูซะใหญ่แต่กลับจบให้จบง่ายๆ

 

สรุป

เป็หนังที่ย่อยง่าย ดูเพื่อความบันเทิงล้วนๆ ไม่ได้ดูความลึกของตัวละคร การเข้าไปสำรวจจิตใจตัวละครไม่มี มีแต่ความบันเทิง ความสนุกในการสืบสวน สอบสวน พร้อมกับซีนแอ็คชันเล็กๆน้อยๆให้ลุงเลียมได้ขยับร่างกายหน่อย ถ้าใครเป็นแฟนหนังลุงเลียมก็ไปดูเถอะคุณๆน่าจะชอบกันแหละ(เราก็แฟนหนังลุง ฮ่าๆ) แต่อย่าคาดหวังมาก เพราะหนังแนวๆนี้มันก็เสิร์ฟแต่ความบันเทิงอย่างเดียวอยู่แล้ว ส่วนถ้าจะแนะนำก็ขอแนะนำคนที่ชอบหนังสืบสวนละกัน ถึงจะไม่ได้ข้อมูลมากเท่าไหร่ แต่มันยังได้กลิ่นการสืบสวนที่น่าจะถูกใจคนชอบหนังสืบสวนอยู่ ยิ่งช่วงต้นปียังไม่มีหนังอะไรดีๆให้ดู เรื่องนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่อยากแนะนำแล้วกันนะครับ

 

IMDb : 6.5/10

Rotten Tomatoes : 54%

 

รูปภาพจาก : https://www.facebook.com/TheCommuterUK/


Comments are closed.

Check Also

รีวิว Be With You (2018) | ภาพยนตร์รีเมคจากประเทศญี่ปุ่นเอากลับมาทำใหม่ในสไตล์เกาหลี เรียกน้ำตาผู้ชมได้แทบทั้งโรง

Be With You : ปาฏิหาริย์ สัญญารัก ฤดูฝน   เหมือนกั … …