“สมคิด” หารือรองนายกฯจีนเดินหน้า เชื่อมต่อไทยกับเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง ดันไทยเป็นฮับอาเซียนและซีแอลเอ็มวี ดึงจีนร่วมพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่และยกระดับการพัฒนาภาคการผลิต บริการ และโลจิสติกส์ พร้อมเจรจารถไฟไทยจีนระยะที่ 2 โคราช-หนองคายในปี 2561 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารืออย่างเป็นทางการกับจางเกาลี่ รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและคณะ ว่า ได้เห็นชอบร่วมกันในการให้ความสำคัญกับโครงการเส้นทางสายไหม (one belt one road) และความร่วมมือโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย (รถไฟไทย-จีน) ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความพอใจในความคืบหน้า โดยคาดว่าในเดือน พ.ย.นี้ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ ขณะเดียวกัน ได้นำเสนอแนวคิดในการ ประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะมีขึ้นในต้นปี 2561 ใน 2 ประเด็น คือ 1.การยกระดับความสัมพันธ์ด้านเกษตร จากการที่จีนเป็นเพียงตลาดรับซื้อ มาเป็นการร่วมพัฒนาโดยใช้วิทยาการสมัยใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่า 2.ความร่วมมือยกระดับการพัฒนาทั้งภาคการผลิต ภาคบริการ และภาคโลจิสติกส์ โดยเน้นการสร้างคลัสเตอร์เฉพาะอย่าง ที่เน้นการใช้เทคโนโลยี และคลัสเตอร์โดยเฉพาะ เช่น เศรษฐกิจชีวภาพ หรือไบโออีโคโนมีการเกษตรแปรรูป ท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ได้หารือถึงการเชื่อมต่อไทยเข้ากับเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง (Pan Pearl River Delta:PPRD) ซึ่งมี 11 มณฑล ที่เป็นมณฑลที่จะมีประโยชน์สูงสุดต่อเส้นทางสายไหมและโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทย ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางระหว่างเขตเศรษฐกิจ สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง ที่มี 11 มณฑลและภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนกลุ่มซีแอลเอ็มวี ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามได้อย่างแท้จริง ด้านนายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวว่า นายสมคิดได้เสนอจีนให้มีกลไกที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียงกับอาเซียน โดยเป็นความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ระหว่างภูมิภาคต่อภูมิภาค (regional to regional) ซึ่งที่ผ่านมาเป็นความร่วมมือในระดับประเทศต่อประเทศเท่านั้น โดยเห็นว่าโครงการนี้มีความสำคัญอย่างมาก เคยหารือกันตั้งแต่ 10 ปีก่อนแต่ ในช่วงหลัง ไม่ได้ความสำคัญ ซึ่งการที่ฮ่องกงได้ตัดสินใจมาตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (HKETO) ในประเทศไทยนั้น จะมีบทบาทสำคัญในการเป็นหัวหอกในการมาลงทุนของนักลงทุนจีนทางตอนใต้สู่ไทยและอาเซียนได้เป็นอย่างดีซึ่งในขณะนี้กระทรวงต่างประเทศกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการในเรื่องนี้ ในส่วนของความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์กับประเทศไทยนั้น ไทยได้เสนอให้มีความร่วมมือในการพัฒนาเพื่อยกระดับชุมชนไทย โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการเกษตร ความร่วมมือ ด้านภาคการผลิต และโลจิสติกส์ ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดในการประชุม ทั้งนี้ นายจางกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านของจีน ที่มีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน และประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ ซึ่งมีการใช้นวัตกรรมเพิ่มผลผลิต ซึ่งมีความยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศไทย นอกจากนี้ นายจางระบุด้วยว่า จีนให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟไทย-จีนอย่างมาก เพราะถือเป็นเส้นทางสายสำคัญ ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้รายงานในที่ประชุมว่า ขณะนี้ โครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ได้ลงนามไปแล้ว 2 สัญญา เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา คือเรื่องการออกแบบ และงานก่อสร้าง ส่วนสัญญาที่ 3 จะมีการจะลงนามในต้นปี 2561 ในเรื่องของระบบอาณัติ สัญญาณซึ่งใช้ เทคโนโลยีของจีน ส่วนโครงการในระยะที่ 2 เส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย น่าจะเจรจาได้ภายในปี 2561. แหล่งข้อมูล : ไทยรัฐออนไลน์
บุญใหญ่ ครอบครัวสุวรรณชาติ บริจาคที่ดินให้ รพ.มหาราช ที่ดินเนื้อที่ 237.4 ตารางวา พื้นที่ติดกับตลาดสุรนารี
ปีนี้เตรียมตัวโยก neon space Yappah Fest #4 เทศกาลดนตรีใหญ่กลางเมืองโคราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ Mayfair Market