ร่วมกันชมภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ซึ่งสมาชิกท่านหนึ่งใน Pantip ที่ใช้นามว่า “ยิ้มแล้วโลกสดใส” ได้ทำการรวบรวมมาไว้ให้พสกนิกรชาวไทยได้ชื่นชมพระจริยวัตรอันงดงามของทั้งสองพระองค์ในอดีต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชหรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2470 และเสด็จขึ้นครองราชย์ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 ต่อมาในวันที่ 28 เมษายน 2493 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทั้งสองพระองค์ทรงพบกันครั้งแรก ณ กรุงปารีส โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ทรงพระราชทานสัมภาษณ์แก่สถานีโทรทัศน์ BBC ว่าการพบกันครั้งแรกนั้นเหมือนเป็นการ “เกลียดแรกพบ” เสียมากกว่า ขณะที่ในหลวงภูมิพลได้ทรงโทรศัพท์ถึงสมเด็จพระราชชนนีเพื่อทูลว่าได้เสด็จฯถึงปารีสแล้ว สมเด็จพระราชชนนีท่านก็ทรงถามถึงธิดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคลว่า “สวยน่ารักไหม” ในหลวงภูมิพลท่านก็ทรงทูลตอบทันทีว่า “เห็นแล้ว น่ารักมาก” ทางด้านสมเด็จพระราชินีทรงพระราชทานสัมภาษณ์ว่า “สำหรับข้าพเจ้า เป็นการเกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า จะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงแล้ว เสด็จมาถึง 1 ทุ่ม ช้ากว่านัดหมาย ตั้ง 3 ชั่วโมง ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องซ้อมถอนสายบัวอยู่จนแล้วจนเล่า จึงเป็นการเกลียดเมื่อแรกพบ มากกว่า รักเมื่อแรกพบ…” “ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่าพระองค์ท่านทรงรักข้าพเจ้า เพราะเวลานั้นอายุเพิ่งย่างเข้า 15 ปี ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นนักเปียโน แต่หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุ สมเด็จพระราชชนนีก็รีบเสด็จไปเยี่ยมทันที “แต่แทนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระปฏิสันถารกับพระองค์ ท่านกลับทรงหยิบรูปข้าพเจ้าออกมาจากกระเป๋า โดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าพระองค์ทรงมีรูปของข้าพเจ้าอยู่แล้ว และพระองค์ก็ตรัสให้นำตัวข้าพเจ้าเข้าเฝ้า” “พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตอนนั้นข้าพเจ้าคิดถึงแต่เรื่องที่จะอยู่กับคนที่ข้าพเจ้ารักเท่านั้น ไม่ได้นึกไปไกลถึงหน้าที่และภารกิจของพระราชินีเลย…” หลังจากที่ในหลวงภูมิพลท่านได้ทรงขออนุญาตหม่อมเจ้านักขัตรมงคล บิดาของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เพื่อขอให้มาเฝ้าถวายการดูแลพระอาการเป็นกรณีพิเศษ โดยให้อยู่ในความดูแลของสมเด็จพระราชชนนี ก็ได้ทำให้ความสัมพันธ์ที่มีมาตั้งแต่เดิมกระชับแน่นยิ่งขึ้นจนกลายเป็นความรัก ต่อมาภายหลังหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ก็ทรงย้ายไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ทำให้ในหลวงภูมิพลท่านต้องทรงเดินทางกว่า 600 กิโล กว่าที่จะได้ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ในแต่ละครั้ง วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2492 ในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 17 ปี ของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ณ สถานทูตไทยในกรุงลอนดอน “ในหลวงภูมิพลท่านทรงได้พระราชทานแหวนซึ่งเป็นวงเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชชนก เคยประทานให้แก่สมเด็จพระบรมราชชนนีในครั้งอดีตให้แก่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์” และได้มีพระราชกระแสรับสั่งในขณะที่ทรงมอบว่า “สิ่งนี้เป็นของสำคัญยิ่งและเป็นที่ระลึกด้วย” ครั้งหนึ่งนักข่าวต่างประเทศเคยกราบบังคมทูลถามว่า… เพราะเหตุใดพระมหากษัตริย์ไทยจึงไม่ค่อยยิ้ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผายพระหัตถุ์ไปทางสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ แล้วตรัสว่า “She is my smile.” ภาพประกอบ : vintag.es, เฟซบุ๊ก ArOoy Kw, Information Division of OHM แหล่งข้อมูล : meekhao.com/history/chinese-concubines รวบรวมโดย : ยิ้มแล้วโลกสดใส (Pantip)
บุญใหญ่ ครอบครัวสุวรรณชาติ บริจาคที่ดินให้ รพ.มหาราช ที่ดินเนื้อที่ 237.4 ตารางวา พื้นที่ติดกับตลาดสุรนารี
ปีนี้เตรียมตัวโยก neon space Yappah Fest #4 เทศกาลดนตรีใหญ่กลางเมืองโคราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ Mayfair Market