ฝุ่นพิษวิกฤติทั่วเชียงใหม่! ติดอันดับ 1 ของโลก เครื่องบินลงจอดไม่ได้ ชาวบ้านเริ่มป่วยทางเดินหายใจ

ฝุ่นพิษปกคลุมทั่วเชียงใหม่เป็นวันที่ 2 ติดอันดับ 1 ของโลก เครื่องบินลงจอดไม่ได้ ชาวบ้านป่วยทางเดินหายใจ ร้านขายกับข้าวบ่นอุบยอดตก คนไม่ออกนอกบ้าน โลกโซเชียลกระหน่ำ จี้เปลี่ยนพ่อเมือง…

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงบ่าย สถานการณ์หมอกควันยังคงปกคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างหนาแน่น โดยเมื่อเที่ยงที่ผ่านมา ฝ่ายประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่าหมอกควันทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นอากาศยานสู่ท่าอากาศยานเชียงใหม่อยู่ใน 1,300 เมตรเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย ได้ทำการยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าจำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบินจากสนามบินภูเก็ต เที่ยวบินจากสนามบินอู่ตะเภา และเที่ยวบินจากสนามบินเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน ทำให้เที่ยวบิน 9C8511 ต้องบินกลับไปลงสนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบิน SL1995 บินไปลงสนามบินเชียงรายแทน และเที่ยวบิน FD3171 ไปลงสนามบินพิษณุโลก ส่วนผู้โดยสารที่จะเดินทางให้ตรวจสอบก่อนการเดินทาง

อย่างไรก็ตามถือเป็นวันแรกที่จังหวัดเชียงใหม่มีฝุ่นควันวิกฤติหนักที่สุด โดยค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งทางเว็บไซต์ AirVisual ได้จัดอันดับดัชนีคุณภาพอากาศตามเมืองท่องเที่ยวทั่วโลก ล่าสุดประจำวันที่ 23 มีนาคม (เวลา 12.55 น.) ที่ผ่านมา พบว่า เชียงใหม่ติดอยู่ในอันดับ 1 เมืองที่มีมลพิษมากที่สุด ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 แล้ว โดยค่า AQI หรือ Air Quality Index (ดัชนีคุณภาพอากาศ) พุ่งขึ้นถึง 470 ไปแล้ว จากค่ามาตรฐาน 100

ขณะที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ ได้เผยแพร่ข้อมูลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.-16 มี.ค. 2562 จากโรงพยาบาลต่างๆ ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ พบจำนวนผู้ป่วยด้วย 4 กลุ่มโรคที่ได้ผลกระทบสุขภาพจากภาวะหมอกควันและไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงสัปดาห์ที่ 1-10 อันดับที่ 1 กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด พบผู้ป่วยกว่า 40,383 ราย และอันดับที่ 2 กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด พบผู้ป่วยกว่า 29,651 ราย ส่วนอันดับที่ 3 กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ พบผู้ป่วยจำนวน 2,783 และ 2,373 รายตามลำดับ

ด้านนางนงนุช ชัยพงค์พิพัฒน์ อายุ 50 ปี แม่ค้าขายกับข้าวข้างมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ถูกหมอกควันปกคลุมเกินค่ามาตรฐาน ได้ทำให้ยอดขายข้าวลดลงไปเกินกว่าครึ่ง ซึ่งกลุ่มลูกค้าประจำที่มักจะมาซื้ออยู่ทุกๆ วัน เลือกที่จะไม่ออกจากบ้าน จากปกติตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป จนถึงประมาณช่วงบ่าย จะมีลูกค้าอยู่เต็มร้าน แต่มาตอนนี้ลูกค้ากลับหายไปทำให้ร้านเงียบ จากที่เคยขายได้ประมาณวันละ 6,000 บาท เหลือ 1,000-2,000 บาทเท่านั้น อยากให้รัฐบาลออกมาแก้ไขปัญหานี้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพยั่งยืน

เช่นเดียวกับ นายสุรพล คำวงษา เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมใจเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน โดยขณะทำงานกลางแจ้งมีอาการแสบจมูกแสบคออยู่เป็นประจำ ซึ่งจากเดิมที่ต้องสวมหน้ากากแบบธรรมดา ต้องเปลี่ยนเป็นหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ออกปฏิบัติหน้าที่ และช่วงที่หมอกควันปกคลุมจังหวัดเชียงใหม่อย่างหนัก ทำให้จำนวนผู้ป่วยโดยเฉพาะคนชราเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นโรคทางเดินหายใจ

ขณะที่ นายมานพ แซ่เจีย ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์รักษ์ล้านนา เปิดเผยว่า ช่วงนี้มีทัวร์จีนจองกรุ๊ปทัวร์เข้ามาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มากถึง 1 เท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา คาดว่าปัญหาหมอกควัน จะส่งผลในระยะสั้นๆ เท่านั้น

ส่วนสังคมโซเชียลเชียงใหม่ร้อนแรงเป็นอย่างมาก มีการเรียกร้องให้เปลี่ยนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และมีการพูดถึงสภาพปัญหาหมอกควันบริเวณจุดต่างๆ มีการเสนอแนวทางของภาคประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งในเฟซบุ๊ก และในทวิตเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่แสดงความอัดอั้นต่อภาครัฐ แก้ไขปัญหาหมอกควันไม่ฉับไว และไม่ถูกจุด จนเกิดวิกฤติติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายวัน และเป็นระยะเวลามานานหลายปีแล้ว โดยมีประชาชนชาวเชียงใหม่แสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก.

แหล่งข้อมูล : ไทยรัฐ