5 เขื่อนใหญ่โคราชยังวิกฤตน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อย เหลือเฉลี่ยใช้การได้เพียง 32%

นายเกียรติศักดิ์ หนูแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “มูน” ที่ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ล่าสุดพายุได้อ่อนกำลังลงแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ เป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง แต่ยังคงทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร ขอนแก่น ชัยภูมิ และจังหวัดนครราชสีมา มีฝนตกหนักบางแห่งและมีลมแรงอยู่ ซึ่งปริมาณฝนที่ตกลงมา ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนของแต่ละพื้นที่ได้เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม 5 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของนครราชสีมา มีน้ำฝนไหลเข้าอ่างฯ เมื่อวานนี้ประมาณ 2.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังไม่ทำให้สถานการณ์น้ำของแต่ละอ่างฯ ดีขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำใช้การยังต่ำอยู่ ซึ่งทั้ง 5 อ่างฯ ขณะนี้ มีน้ำกักเก็บเฉลี่ยเหลืออยู่ที่ 353 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ร้อยละ 35 โดยเป็นน้ำใช้การได้เพียง 312 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือร้อยละ 32 % เท่านั้น โดยอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย ยังวิกฤตมากสุด มีปริมาณน้ำกักเก็บเหลืออยู่เพียง 22.64 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 14.61 ของความจุกักเก็บทั้งหมด ส่วนอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำมากกว่าที่อื่น คือ 165.95 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 52.77 ของความจุกักเก็บทั้งหมด ขณะที่อ่างเก็บน้ำอีก 3 แห่งที่เหลือ คือ อ่างเก็บน้ำมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ 42.92 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 30.44 ของความจุกักเก็บ , อ่างเก็บลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ 91.63 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 33.32 ของความจุกักเก็บ และอ่างเก็บน้ำลำนางรอง อ.เสิงสาง มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ 29.91 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 24.63 ของความจุกักเก็บ ซึ่งทั้ง 5 อ่างฯ ยังสามารรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก ส่วนการบริหารจัดการน้ำ ทางสำนักงานชลประทานที่ 8 ยังต้องบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด โดยเน้นเพื่อการอุปโภคบริโภคมาลำดับแรก และปล่อยน้ำลงเพื่อรักษาระบบนิเวศเท่านั้น