“กรุงเทพราชสีมา” ทุ่มทุนย้ำแชมป์ ควัก 100 ลบ. ผุดอาคารใหม่-เล็งสยายปีกบุรีรัมย์-รพ.เอกชนโคราชคึกคัก

โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา ย้ำเจ้าตลาดเมืองย่าโม เผยแผนลงทุนครั้งใหญ่ ทุ่ม 100 ล้าน สร้างตึกใหม่ 10 ชั้น เพิ่มห้องผู้ป่วย 150 ห้อง ล่าสุดเปิดเฟสแรก 2 ชั้น 3 ศูนย์ “อายุรกรรม-สุขภาพสตรีและเด็ก” เผยปี”60 ผลประกอบการโตตามเป้า 10% ฟันรายได้กว่า 1,400 ล้าน ปีนี้วางเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้าน ประกาศเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องรองรับอนาคต เล็งสยายปีกยึดทำเลทอง บุรีรัมย์ ปักธงสาขาใหม่

จากการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของจังหวัดนครราชสีมา มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ นอกจากภาพการลงทุนของผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ที่ดาหน้าขยายสาขา ในส่วนของธุรกิจโรงพยาบาลก็มีเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีผู้เล่นรายใหม่ ๆ เข้าไปเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการของประชาชน ขณะที่เจ้าตลาด โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา ในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ มีประกาศเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง

พลตรี นพ.วสันต์ สุเมธสิทธิกุล กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา จำกัด ในบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)  หรือ BDMS เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากที่มีผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีจากทั้งประชากรในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งทำให้อาคารสถานที่เริ่มคับแคบและไม่เพียงพอกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น บริษัทแม่จึงได้อนุมัติ งบประมาณ 100 ล้านบาท ลงทุนสร้างอาคารใหม่สูง 10 ชั้น อยู่ใกล้กับอาคารเดิม

โดยเฟสแรกจะก่อสร้างก่อน 2 ชั้น โดยชั้นแรก จะเปิดเป็นศูนย์สุขภาพสตรี ศูนย์สุขภาพเด็ก และศูนย์อายุรกรรม ซึ่งก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและเปิดให้บริการไปแล้วเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ส่วนชั้น 2 จะเปิดเป็นพื้นที่เพื่อรองรับผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน จะเปิดเป็นศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน ศูนย์กระดูกสันหลังและข้อ แผนกศัลยกรรม คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนตุลาคม 2561 นี้ สำหรับศูนย์สุขภาพเด็ก ที่เปิดไปแล้ว โรงพยาบาลได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 แผนก ได้แก่ แผนกเด็ก และแผนกเด็กดี เพื่อลดการติดเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยเด็ก และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ

กรุงเทพราชสีมา เพิ่มการลงทุน

ส่วนเฟสถัดไป จะก่อสร้างอาคารใหม่แห่งนี้เพิ่มเติม จาก 2 ชั้น เป็น 10 ชั้น โดยจะสร้างเป็นหอพักผู้ป่วยเพิ่มอีก 150 ห้อง จากเดิมที่โรงพยาบาลมีจำนวนเตียงประมาณ 180 เตียง เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังจะใช้งบฯอีกประมาณ 10 ล้านบาท ปรับปรุงห้องพักจำนวนหนึ่งให้เป็นห้องพักระดับพรีเมี่ยม เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบน คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จเต็มรูปแบบภายใน 3 ปี

พลตรี นพ.วสันต์กล่าวด้วยว่า โรงพยาบาลจะมีการลงทุนเรื่องเครื่องมือทางการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ อย่างต่อเนื่อง เช่น การหาแพทย์เฉพาะทางผู้ป่วยวิกฤต สำหรับดูแลผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาที่ห้อง ICU และกุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิด สำหรับดูแลทารกแรกเกิด ตลอด 24 ชั่วโมง และได้เพิ่มห้องพักผู้ป่วยกึ่งวิกฤต (IMCU) จาก 4 ห้อง เป็น 10 ห้อง เพื่อดูแลผู้ป่วยกึ่งวิกฤตให้ปลอดภัยก่อนที่จะย้ายไปนอนพักรักษาต่อที่หอผู้ป่วย เป็นต้น

“ปี 2560 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา โตขึ้น 10% หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการประมาณวันละ 1,000 คน หรือปีละประมาณ 3 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นคนในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง และมีผู้ป่วยต่างชาติเข้ามาใช้บริการอยู่ 4-5% ถือว่าเราเป็นเบอร์หนึ่งของโรงพยาบาลเอกชนในภาคอีสาน”

สยายปีกบุก “บุรีรัมย์”

นายแพทย์สมอาจ วงษ์ขมทอง ประธานคณะผู้บริหารโรงพยาบาล กลุ่ม 4 กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมา โรงพยาบาลในกลุ่ม 4 ที่ครอบคลุมในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ โรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา และโรงพยาบาลกรุงเทพปากช่อง และมีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยได้มากถึง 540 เตียง ซึ่งทุกโรงพยาบาล มีกลุ่มลูกค้าเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้ผลประกอบการและมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นตามเป้าที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงยังวางยุทธศาสตร์โดยกำหนดให้แต่ละโรงพยาบาล ในกลุ่ม 4 สามารถรองรับผู้ป่วยเฉพาะโรค ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเป็นเลิศในการรักษาโรค เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ เป็นโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญเป็นเลิศด้านอุบัติเหตุ โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร เป็นโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญเป็นเลิศด้านโรคหัวใจ และโรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา เป็นโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญเป็นเลิศด้านอุบัติเหตุ

“แต่ละโรงพยาบาลจะได้รับการจัดสรรงบฯในการพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ทั้งด้านสถานที่ เทคโนโลยี การจัดหาและพัฒนาบุคลากรให้พร้อมทั้งทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์”

นายแพทย์สมอาจย้ำว่า สำหรับเป้าหมาย รพ.กรุงเทพ คือขยายการให้บริการออกไปในเขต 4 จังหวัดนครชัยบุรินทร์ ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เนื่องจากที่ผ่านมาจากสถิติพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยจากจังหวัดดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุกปี และโรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมาก็เป็นโรงพยาบาลที่ประชาชนใน 4 จังหวัดนี้ไว้วางใจมากที่สุด จึงมีแผนที่จะลงทุนขยายสาขาไปยังจังหวัดอื่น ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดให้บริการที่จังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มอีกแห่ง

โรงพยาบาลเอกชน “โคราช” คึกคัก

ด้วยขนาดพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา ที่มีพื้นที่ประมาณ12.8 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ12.12 ของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีทั้งหมด 32 อำเภอ 287ตำบล 3,743 หมู่บ้าน ประชากร

ประมาณ 2.63 ล้านคน ทำให้มีโรงพยาบาลเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากนอกจากโรงพยาบาลของภาครัฐ ที่เป็นโรงพยาบาลศูนย์ คือ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ยังมีโรงพยาบาลทั่วไป 4 แห่ง โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย1 แห่ง โรงพยาบาลทหาร 2 แห่ง และโรงพยาบาลเฉพาะทาง (จิตเวช) 1 แห่งปัจจุบัน นครราชสีมา มีโรงพยาบาลเอกชนเปิดให้บริการ 17-18 แห่ง ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา นอกจากโรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา ที่ถือเป็นรายใหญ่ รองลงไปก็มี โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 40 ปี โรงพยาบาลโคราชเมมโมเรียล(เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) ได้เข้าซื้อกิจการ)นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายเล็ก ๆ อีกหลายแห่ง อาทิ ป.แพทย์ที่มี 2 สาขา โรงพยาบาลเดอะโกลเด้นท์เกต โรงพยาบาลมนตรี เป็นต้นภาพการทำตลาดของโรงพยาบาลแต่ละแห่งหลัก ๆ จะเป็นเรื่องของบริการทางการแพทย์ ความสะดวกสบายของบริการ การเปิดคลินิกนอกเวลา รวมทั้งมีการจัดทำแพ็กเกจและโปรโมชั่นเพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินใจง่ายขึ้น และบางแห่งก็ยังให้บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าประกันสังคมด้วย

ส่วนในอำเภอรอบนอกที่เป็นอำเภอขนาดใหญ่ เศรษฐกิจดี จำนวนประชากรมากและมีกำลังซื้อ ก็มีโรงพยาบาลขนาดเล็กของเอกชนเปิดให้บริการ อาทิ โรงพยาบาลพิมาย เมดิคัล อ.พิมาย โรงพยาบาลด่านเมดิคอล อ.ด่านขุนทด โรงพยาบาลบัวใหญ่รวมแพทย์ อ.บัวใหญ่ โรงพยาบาลปากช่องเมมโมเรียล อ.ปากช่อง เป็นต้น ไม่นับรวมถึงโรงพยาบาลชุมชนที่มีอีกกว่า 30 แห่ง

แหล่งข้อมูล : ประชาชาติธุรกิจ