เตือนด่วน!! กรมอุตุฯ ประกาศเตรียมรับมือ”พายุไซโคลน MAARUTHA” อาจมีผลกระทบต่อไทย 16-17 เม.ย.นี้

พายุไซโคลน “MAARUTHA” มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบนและประเทศเมียนมาในช่วงวันที่ 16- 17เม.ย. ทำให้ด้านตะวันตกของไทยตอนบนยังคงมีฝนตกเกิดขึ้น

วันที่ 16 เมษายน 2560 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศช่วงวันที่ 16-22 เม.ย. ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง เว้นแต่ด้านตะวันตกของภาคเหนือ และด้านตะวันตกของภาคกลางยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งส่วนในช่วงวันที่ 20-22 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนและภาคใต้มีฝนตกบางแห่ง โดยแจ้งข้อควรระวังคือ ในช่วงวันที่ 16-18 เม.ย. ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

สำหรับในช่วงวันที่ 16-19 เม.ย. พายุไซโคลน “MAARUTHA” บริเวณอ่าวเบงกอล จะเคลื่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบนและประเทศเมียนมาในช่วงวันที่ 16- 17 เม.ย. ลักษณะเช่นนี้ทำให้ด้านตะวันตกของประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกเกิดขึ้น

ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 เม.ย. ลมตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกบางแห่งได้ในระยะนี้

ภาคเหนือ  ในช่วงวันที่ 16-18 เม.ย.อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 19-22 เม.ย.อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ในช่วงวันที่ 16-20 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตะวันตกและตอนบนของภาค หลังจากนั้นฝนจะลดลง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

ภาคกลาง  ในวันที่ 16-18 เม.ย. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-22 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

ภาคตะวันออก  ในวันที่ 16-17 เม.ย. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 16-18 เม.ย. ตั้งแต่จ.ภูเก็ตขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 เม.ย. ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 16-18 เม.ย. ตั้งแต่จ.ภูเก็ตขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 เม.ย. ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  อากาศร้อนในตอนกลางวันและมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.

แหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา