And the Oscars goes to… จบลงไปแล้วกับการประกาศรางวัล Academy Awards ครั้งที่ 90 หรือ รางวัล Oscars ที่เราๆคุ้นชื่อกัน ทุกรางวัลก็มีทั้งเป็นไปตามที่คาด และ ผิดจากที่คาดไปบ้าง วันนี้เราจะมาสรุปรางวัลและแถมเกร็ดเล็กๆน้อยๆของแต่ละรางวัลให้ได้อ่านกัน ภาพยนตร์เรื่องไหนจะรางวัลกลับไปบ้าง และต่อไปนี้คือผลรางวัล เริ่ม ! Best Motion Picture – The Shape of Water รางวัลนี้จะว่าเป็นไปตามคาดไหมก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะกระแสก่อนช่วงประกาศรางวัลมันตีตลบไปตลบมาที่หลายเรื่องมาก ทีแรกก็เป็น The Shape of Water ช่วงก่อนหน้านี้ซํกสองสัปดาห์กระแสมาทางด้าน Three Billboards Outside Ebbing, Missouri จนช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนประกาศรางวัลก็มาทาง Get Out แล้วยิ่งแซงไปได้รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมอีก แต่สุดท้ายก็มาเป็น The Shape of Water ที่ได้รางวัลไปในที่สุด ถามว่าเหมาะสมไหมกับรางวัลนี้มันก็พูดได้ว่าเหมาะสมแหละ หนังมันมีงานสร้างที่ดี การกำกับ การแสดงที่ดีทุกอย่างดูลงตัว และจะบอกว่าหนังเรื่องนี้คือตัวแทนของภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปีนี้ก็เป็นตัวแทนได้อย่างไม่น่าเกลียดเลยทีเดียว หนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังที่ทำให้ Guillermo del Toro ผู้กำกับของเรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกอีกด้วย Guillermo del Toro เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้วในสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม เมื่อปี 2007 จากเรื่อง Pan’s Labyrinth Best Performance by an Actor in a Leading Role – Gary Oldman Gary Oldman ถือว่าเป็นนักแสดงมาฝีมืออีกคนหนึ่งของวงการ ผ่านการรับบทบาทมาอย่างหลากหลายแต่เป็นที่น่าแปลกใจที่เขาพึ่งได้รับรางวัลออสการ์ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และนี่คือการเข้าชิงเพียงครั้งที่สองเท่านั้น Gary Oldman เคยเข้าชิงออสการ์มาก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งครั้งในเรื่อง Tinker Tailor Soldier Spy ในออสการ์เมื่อปี 2012 Best Performance by an Actress in a Leading Role – Frances McDormand นักแสดงหญิงมากฝีมือคนนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นตาของนักดูหนังช่วงยุคหลังๆนี้เท่าไหร่ (เพราะเราก็แทบไม่รู้จักเธอเลยก่อนมีประกาศว่าเธอได้เข้าชิง ฮ่าๆ) เพราะช่วงหลังๆเธอรับงานค่อนข้างน้อยและไม่เป็นที่โด่งดังในประเทศไทยมากนัก แต่เมื่อค้นประวัติเธอดูดีๆแล้วเธอเคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วหนึ่งครั้งจาก Fargo เมื่อปี 1997 และนี่คือตุ๊กตาทองตัวที่สองของเธอ เธอจะได้เอามันไปวางไว้คู่กันซักที ในชีวิตการแสดงของเธอ เธอเคยเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 5 ครั้งจากเรื่อง Mississippi Burning (1988),Fargo (1996),Almost Famous (2000),North Country (2005) และ Three Billboards Outside Ebbing, Missouri (2017) โดยเธอได้รางวัล2ครั้งจาก5ครั้งเลยทีเดียว ปีนี้เธอจะมีผลงานพากษ์เสียงในหนังของผู้กำกับสุดแนวอย่าง Wes Anderson จากเรื่อง Isle of Dogs ในสาขานี้มี Meryl Streep ผู้เคยผ่านการเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 21 ครั้ง !! และได้ไปแล้วถึง 3 ครั้ง Best Performance by an Actor in a Supporting Role – Sam Rockwell นักแสดงชายท่านนี้มักเป็นที่รู้จักในภาพยนตร์สายอินดี้ สายรางวัลซะส่วนใหญ่ ในงานที่เป็นกระแสหลักจะไม่ค่อยเห็นชื่อของชายคนนี้ซักเท่าไหร่ แต่นานๆก็จะกระโดดมาร่วมโปรเจคใหญ่ๆซักที แต่ที่ผลงานที่จะทำให้คนดูหนังวงกว้างๆจำเขาได้ดีเลยก็น่าจะมาจากเรื่อง Iron Man 2 ในบท Justin Hammer ตัวร้ายที่มีบริษัทผลิตอาวุธเป็นคู่แข่งของโทนี่ นี่คือการวัลออสการ์ตัวแรกในชีวิตของ Sam Rockwell เขาไม่เคยแม้แต่ที่จะเข้าชิงหรือมาเฉียดรางวัลนี้ซํกนิดเดียว แต่พอมีโอกาศครั้งแรก เขาก็ไม่ปล่อยให้มันหลุดมีไป ในสาขานี้มีนักแสดงจาก Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ถึงสองคนเลยทีเดียวคือ Sam Rockwell ผู้ได้รับรางวัล กับ Woody Harrelson คู่หูในหนังของ Sam ในสาขานี้ยังมี Christopher Plummer ผู้ถูกลงบันทึกว่าเป็นนักแสดงที่อายุมากที่สุดตลอดกาลที่ได้เข้าชิงรางวัล ด้วยวัย 88 ปี Best Performance by an Actress in a Supporting Role – Allison Janney เธอเป็นนักแสดงที่ช่วงปีหลังๆจะมาทางซีรีย์ซะส่วนใหญ่ จึงทำให้เราไม่ค่อยคุ้นหน้าเธอเลย แต่จากการแสดงในเรื่องนี้ที่เราได้ดูก็บอกเลยว่าสมควรมาก เธอมีความดุดัน น่ากลัว และเมื่อเธอปรากฏตัวบนจอเมื่อไหร่มันจะทำให้เรากลัว หายใจไม่ทั่วท้องว่าเธอจะทำอะไรอีก นี่คือการเข้าชิงออสการ์ครั้งแรกของเธอเช่นกัน และเป็นการชิงครั้งแรกแล้วได้รางวัลเลย เช่นเดียวกับ Sam Rockwell (ปล.ครั้งคู่เคยเล่นหนังเรื่องเดียวกันใน The Way Way Back แนะนำนะ มันดีมาก) การคว้ารางวัลของ Allison Janney นั้นถือว่าเป็นรางวัลเดียวของ I,Tonya ที่คว้ากลับไปได้ Best Achievement in Directing – Guillermo del Toro ในปีนี้การเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นเพียงครั้งที่2ของเขาเท่านั้น แต่เขากลับคว้ารางวัลกลับบ้านไปถึงสองรางวัลในคืนเดียวเลย ถือว่าการกำกับเรื่องนี้เขาทำออกมาได้ดี ทุกอย่างมันดูสวยงาม ถึงแม้จะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง Christopher Nolan และ Jordan Peele แต่เขาก็ทำออกมาได้อย่างปราณีตและสวยงาม นี่คือการเข้าชิงในฐานะผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ครั้งแรกของเขา และเขาก็ได้รางวัลจากการเข้าชิงสาขานี้ครั้งแรกเลยเช่นกัน ที่เขาเคยเข้าชิงมาก่อนหน้านี้มาจากสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม นับย้อนกลับไป5ปี เขาถือเป็นคนแม็กซิกันคนที่3ที่ได้รางวัลในฐานะกำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยก่อนหน้านี้เพื่อนซี้ของเขาทั้งสองคนคว้ารางวัลนี้มาแล้ว Alfonso Cuarón คว้ารางวัลในปี 2014 จากเรื่อง Gravity และ Alejandro G. Iñárritu คว้ารางวัลในปี 2015กับ2016 จากเรื่อง Birdman และ The Revenant Best Original Screenplay – Get Out รางวัลนี้คือรางวัลของบทภาพยนตร์ดั้งเดิม โดยต้องไม่เคยมีการทำเรื่องนี้มาก่อน คิดเองใหม่หมด ไม่ได้อ้างอิงมาจากเรื่องไหนทั้งสิ้น จากช่วงก่อนการประกาศรางวัลหนังเรื่องนี้ดูเป็นม้ามืดมาแรง ที่บางกระแสบอกว่าหนังเรื่องนี้จะแซงปาดหน้าหนังทุกเรื่องไปคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่เพียงแค่การคว้าบทยอดเยี่ยมก็ดูจะมากพอแล้วสำหรับหนังที่มาจากผลงานกำกับครั้งแรกของ Jordan Peele ด้วยไอเดียสุดล้ำ แปลกใหม่จนทำคนดูเหวอไปตามๆกัน มันทำให้หนังเรื่องนี้พุ่งไปคว้ารางวัลมาได้ นี่ก็เป็นรางวัลเดียวของหนัง Get Out เหมือนกัน จากการเข้าออสการ์ทั้งหมด 4 สาขา Jordan Peele ถึงกับประกาศวางมือจากการแสดงหนังเพื่อมากำกับหนังอย่างเต็มตัวหลังจากประสบความสำเร็จจากการกำกับหนังเรื่องนี้ Best Adapted Screenplay – Call Me by Your Name นี่คือรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม โดยคำว่าดัดแปลงนี้มันเอามาจากไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตจริง หนังสือ นิยาย การ์ตูน หรืออื่นๆที่เราเอามาดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์ โดยหนังเรื่องนี้เอาหนังสือมาดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์ โดยหนังสือก็ชื่อเดียวกับหนังนี่แหละ จริงๆสาขานี้แต่ละผู้เข้าชิงนั้นแข็งแกร่งมาก แทบจะให้ใครเป็นผู้ชนะก็ได้เลยจริงๆ มีทั้ง Molly’s Game ที่สร้างจากเรื่องจริงของ มอลลี่ บลูม เจ้าของบ่อนพนัน,Logan ที่มาจากหนังสือการ์ตูน เล่าเรื่องของวาระสุดท้ายของโลแกนที่ใช้ชีวิตอย่างอมตะมาอย่างยาวนาน หรือ The Disaster Artist ที่เล่าเรื่องของผู้กำกับคนหนึ่งที่ว่ากันว่าได้ทำหนังที่ห่วยที่สุดขึ้นมา แต่สุดท้าย Call Me by Your Name ก็ชนะผู้เข้าชิงทุกเรื่องไปได้ นี่ก็เป็นรางวัลเดียวของหนังเรื่องนี้จากที่เข้าชิงทั้งหมด 4 สาขา ผู้ที่ดัดแปลงบทและได้รางวัลนี้คือ James Ivory เขาเคยเข้าชิงออสการ์มาก่อนหน้านี้แล้ว 3 ครั้ง ในฐานะผู้กำกับ แต่ครั้งนี้ครั้งที่ 4 เขาก็สามารถคว้ารางวัลได้ซักที แต่ในฐานะมือเขียนบทเท่านั้นเอง James Ivory เขาคือคนที่ได้รับรางวัลออสการ์ในปีนี้ที่อายุมากที่สุดที่ 90 ปี Best Achievement in Cinematography – Roger Deakins (Blade Runner 2049) นี่คือรางวัลการถ่ายภาพยอดเยี่ยม โดยผู้ที่ได้รับรางวัลนั้นจะเป็นตัวของผู้กำกับภาพที่มีหน้าที่สำคัญไม่แพ้ตัวผู้กำกับเลย เขามีส่วนสำคัญที่จะนำเสนอภาพออกมาให้เราได้ดู โดยผู้ที่ได้รางวัลนี้คือ Roger Deakins ผู้กำกับภาพวัย 69 ปี จากประเทศอังกฤษ โดยหนังที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนี้ก็คือ Blade Runner 2049 ภาคต่อของหนัง Sci-Fi ในตำนาน Blade Runner (1982) รางวัลนี้คือการได้รางวัลออสการ์ครั้งแรกของ Roger Deakins จากก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าชิงมาแล้วถึง 13 ครั้ง และครั้งนี้ครั้งที่ 14 เขาก็คว้ารางวัลไปจนได้ นี่คือ1ใน2รางวัลของ Blade Runner 2049 ที่ได้ในปีนี้ ในรางวัลนี้ในตอนแรกมีกระแสข่าวว่าผู้กำกับภาพชาวไทยจะได้เข้าชิงด้วย แต่สุดท้ายก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย (สยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพ Call Me By Your Name) Roger Deakins เคยผ่านผลงานเด็ดๆมาแล้วอย่าง Sicario,Skyfall,No Country for Old Men และอีกมากมาย Best Achievement in Film Editing – Dunkirk รางวัลสาขาการตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยมตกเป็นของ Dunkrik จริงๆในสาขานี้ถือว่าสู้กันสนุกพอสมควร ไม่ได้มีใครนอนมาแบบได้รางวัลแน่ๆ คู่แข่งตัวแข็งๆเลยก็จะมีอย่าง Baby Driver ที่ใช้การตัดต่อเป็นหนึ่งในวิธีการเล่าเรื่อง การตัดหนังเข้ากับจังหวะเพลงได้อย่าลงตัวถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งเหมือนกัน อีกทั้ง I,Tonya ที่การตัดต่อสลับอดีตกับปัจจุบันได้อย่างเข้ากันและสนับสนุนเรื่องราวของกันและกันให้สนุกยิ่งขึ้น ถือว่าเด่นเรื่องการตัดต่อเช่นกัน แต่สุดท้ายการตัดต่อสลับช่วงเวลาของ Dunkrik ก็คว้ารางวัลไป Lee Smith ถือเป็นมือตัดต่อคู่ใจของ Christopher Nolan เขาตัดต่อให้ Nolan มาแล้วแทบจะทุกเรื่องแต่ก็ไม่เคยได้รางวัลเลยจนมาเรื่องนี้ เป็นการได้ออสการ์ครั้งแรกของ Lee Smith Lee Smith เคยเข้าชิงมาแล้วก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง จาก Master and Commander: The Far Side of the World กับ The Dark Knight ผู้เข้าชิงทั้งหมดในสาขาตัดต่อ ทุกคนยังไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์เลย Best Achievement in Music Written for Motion Pictures (Original Song) – Coco เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปีนี้เป็นเพลงจากเรื่อง Coco – Remember Me เพลงที่ทำให้ทุกคนที่ได้ดูร้องไห้กันมาแทบทุกคน อีกทั้งเพลงนี้มันยังช่วยส่งเสริมเรื่องราวให้กับตัวหนัง และที่มันวิเศษคือไม่ว่าเราจะได้ยินมันกี่ทีๆในหนัง มันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราได้ฟังครั้งแรกมันเพราะดีจัง ได้ฟังอีกครั้งมันเศร้า อีกครั้งสุดท้ายมันทำให้เราซาบซึ้งประทับใจจนน้ำตาไหลออกมา จะบอกว่ามันเป็นเพลงที่เด่นเกินหนังก๋ว่าได้นะ ฮ่าๆ Kristen Anderson-Lopez กับ Robert Lopez สองคนผู้ได้รับรางวัลเคยได้รางวัลออสการ์มาแล้วจากอนิเมชันเรื่องดังอย่าง Frozen มาแล้ว Kristen Anderson-Lopez กับ Robert Lopez ได้เข้าชิงออสการ์สองครั้ง และก็ได้รางวัลทั้งสองครั้งเลย จาก Frozen กับ Coco Best Animated Feature Film – Coco ผลงานรางวัลอนิเมชันยอดเยี่ยมตกเป็นของ Coco ที่บางสำนักบอกว่าเรื่องนี้แทบจะนอนมารับรางวัลไม่มีคู่แข่งเลย แต่กระแสช่วงหลังก็เริ่มมี Loving Vincent ได้มีชื่อโผล่เข้ามาบ้างแต่ก็ยังแรงไม่พอกับการที่จะแซง Coco ไปรับรางวัลได้ Lee Unkrich หนึ่งในผู้กำกับของเรื่องนี้เคยได้รับรางวัลออสการ์มาก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งครั้งจาก Toy Story 3 ส่วน Darla K. Anderson ผู้กำกับร่วม ยังไม่เคยได้รางวัลออสการ์มาก่อนและ Coco ก็ทำให้เธอได้รางวัลนี้ครั้งแรก เมื่อตอนประกาศผู้เข้าชิงในสาขานี้มีกระแสว่าทำไม The LEGO Batman Movie ถึงไม่ได้เข้าชิง แต่กลับเป็น The Boss Baby ที่ได้มีชื่อเข้าชิงแทน ทั้งที่คำวิจารณ์หรือคะแนนของ The LEGO Batman Movie ก็ดีกว่าทั้งนั้น แต่กระแสก็หายไปทิ้งความสงสัยให้แฟนๆหนังสงสัยต่อไป… รูปภาพจาก : https://www.facebook.com/TheAcademy/
บุญใหญ่ ครอบครัวสุวรรณชาติ บริจาคที่ดินให้ รพ.มหาราช ที่ดินเนื้อที่ 237.4 ตารางวา พื้นที่ติดกับตลาดสุรนารี
ปีนี้เตรียมตัวโยก neon space Yappah Fest #4 เทศกาลดนตรีใหญ่กลางเมืองโคราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ Mayfair Market