Darkest Hour หนังเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของ ช่วงเวลาที่ตรึงเครียดที่สุดของประเทศอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่นาซีรุกคืบมาถึงเบลเยี่ยม และกำลังจะยึดฝรั่งเศสได้ ทหารอังกฤษนับแสนก็ยังติดอยู่ที่ดันเคิร์กชายหาดที่ฝรั่งเศสรอการช่วยเหลือ พร้อมทั้งที่การเมืองในประเทศอังกฤษก็ยังไม่นิ่ง มีการเสนอเรื่องถอดถอนนายกรัฐมนตรี และนี่คือจุดเริ่มต้นของสุดยอดผู้นำของโลกอีกหนึ่งคนคือ วินสตัน เชอร์ชิล เล่าคร่าวๆคือนาย วินสตัน เชอร์ชิล ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่นายกคนเก่าลาออกจากตำแหน่งเพราะพรรคฝ่ายค้านไม่พอใจการทำหน้าที่ และมีเพียงนายวินสตัน เชอร์ชิล เท่านั้นที่ทั้งสองพรรคเห็นชอบให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนี้ และสิ่งแรกที่เขาทำเมื่อขึ้นมาดำรงตำแหน่งคือประกาศว่าจะร่วมสู้สงคราม ขัดกับนายกคนเก่าที่เน้นไปที่การเจรจาสันติ สิ่งที่เด่นชัดและเป็นที่พูดถึงของนายวินสตัน เชอร์ชิล ตอนดำรงตำแหน่งคือปฏิบัติการไดนาโม เป็นการขอความร่วมมือชาวประมงที่มีเรือไปช่วยทหารที่ติดอยู่ที่ชายหาดดันเคิร์กจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และจากเหตุการณ์นี้ต่อยอดให้กองกำลังของอังกฤษปกป้องประเทศและชนะนาซีในสงครามโลกครั้งที่2 ได้ในท้ายที่สุด หนังเรื่องนี้เป็นฝีมือการกำกับของ Joe Wright ที่เคยมีผลงานการกำกับหนังที่เป็นที่รักของคนดูหนังมากมาย เช่น Pride & Prejudice,Anna Karenina,Pan และ Atonement โดยหนังเรื่องนี้ ก็ได้มีฉากๆหนึ่งที่เล่าเหตุการณ์ของทหารที่ใช้ชีวิตรอการช่วยเหลืออยู่บนชายหาดดันเคิร์กด้วยเหมือนกัน ทีมนักแสดงนำของเรื่องนี้ก็ได้รุ่นใหญ่ของวงการมาเล่นทั้งนั้น ตั้งแต่ Gary Oldman นักแสดงรุ่นใหญ่เคยผ่านการแสดงในบทเด่นๆมาหลายเรื่องแล้วเช่น The Dark Knight,Harry Potter ในบท Sirius Black,Air Force One สมทบด้วย Lily James,Kristin Scott Thomas และ Ben Mendelsohn โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขา ก็จะมี สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม,นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม,ถ่ายภาพยอดเยี่ยม,ออกแบบเสื้อผ้ายอดเยี่ยม,งานสร้างยอดเยี่ยม และ แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม โดย Gary Oldman เป็นตัวเต็งในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย ความรู้สึกชอบ-ไม่ชอบหลังดูจบ เราชอบการแสดงของ Gary Oldman มาก ถึงเราจะไม่เคยเห็นภาพจากวิดีโอสมัยก่อนของ วินสตัน เชอร์ชิล เราก็เลยเอามาเปรียบเทียบไม่ได้ แต่การแสดงจากคำเล่าถึงตัวของ เชอร์ชิล ที่บอกว่า เขาเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี มีความเข้มแข็ง แน่วแน่ ดุดัน ซึ่ง แกรี่ โอลแมน ก็แสดงทุกอย่างนี้ออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือเลยทีเดียว ชอบที่ถึงหนังจะเป็นหนังในช่วงสงคราม แต่ฉากสู้รบ ฉากสงครามน้อยมาก หนังมันจะเน้นเรื่องการพูดคุย วางแผน ดำเนินการ แต่แค่นี้มันก็สนุก ตื่นเต้น มันส์ ลุ้น ไม่แพ้หนังสงครามที่ยิงกันเยอะๆเลย ฉากที่เป็นฉากทีเด็ดของหนังเรื่องนี้คือการกล่าวคำพูดต่อหน้าผู้คนนับร้อยของ เชอร์ชิล ผู้สร้างทำออกมาได้ดีทุกครั้ง ยิ่งการกล่าวในสภาครั้งสุดท้ายของเรื่องต่อหน้าทุกคนในสภามันดูยิ่งใหญ่ จริงจัง และ หนักแน่นมากในทุกคำพูด เราดูแล้วเราเชื่อ ดูแล้วเราอินตาม แทบอยากจะออกไปรบปกป้องประเทศเดียวนี้เลย ฮ่าๆๆ อีกสิ่งที่เด่นทะลุหลายๆอย่างออกมาก็คือการแต่งหน้า เมคอัพนักแสดง คือเราทึ่งมากตอนเห็นภาพแรกของหนังออกมาก แล้วเป็นภาพ Gary Oldman ร่างอ้วน คือแบบเขาแต่งตัวให้อ้วนไปเลย แต่งหน้าแทบไม่มีเค้าเดิมไปเลย ถ้าอยากเทียบก็ลองแบบ หารูป Gary Oldman จากเรื่อง The Dark Knight ที่เล่นเป็น ผู้หมวด กอร์ดอน แล้วเอามาเทียบกับเรื่องนี้ เรานี่ทึ่งในพลังของการแต่งหน้า แต่งตัวจริงๆ พอยิ่งเหมือนจริงมันยิ่งทำให้เราเชื่อจริงๆว่าเรากำลังดูวินสตัน เชอร์ชิลอยู่ สรุป จริงๆเรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาจนน่าจดจำ แต่หนังมันเสนอชีวิตของวินสตัน เชอร์ชิล ถึงความแน่วแน่ เด็ดเดี่ยว ไม่ยอมแพ้ได้อย่างดี เรื่องของบทก็ไม่ดีไม่แย่ มันเรื่อยๆ แต่มันเข้มข้นในการแสดง กันประชันด้วยคำพูด และ สถานการณ์ที่บีบคั้นตัวละคร เราแนะนำนะถ้ามีโอกาสได้ดู (หรือเราถูกจริตกับหนังที่มันคุยกันเยอะๆ) เหมือนเราได้ไปติดตามชีวิต การทำงาน และ เห็นความเป็นผู้นำของคนๆหนึ่ง IMDb : 7.4/10 Rotten Tomatoes : 86% รูปภาพจาก : https://www.facebook.com/DarkestHourUK/
บุญใหญ่ ครอบครัวสุวรรณชาติ บริจาคที่ดินให้ รพ.มหาราช ที่ดินเนื้อที่ 237.4 ตารางวา พื้นที่ติดกับตลาดสุรนารี
ปีนี้เตรียมตัวโยก neon space Yappah Fest #4 เทศกาลดนตรีใหญ่กลางเมืองโคราช วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่ Mayfair Market